เนื่องจากครั้งที่แล้วที่ลงเกี่ยวกับการทำวีซ่าค่อนข้างนานมาแล้ว ตั้งแต่สมัย 2018 ตอนนี้เราจะกลับไปเที่ยวในฐานะนักท่องเที่ยวอีกครั้ง หลังจากไปเป็นนักศึกษาในปี 2019-2020 และเป็นการเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกตั้งแต่มีโควิด ก็เลยอยากมาแชร์เพิ่มเติม ความง่าย หรือยาก และความเปลี่ยนของการทำวีซ่าในครั้งนี้ในการขอ วีซ่าออสเตรเลีย ในแบบฉบับ 2022! 

ONLINE APPLICATION

เริ่มแรกเลยคือการขอ วีซ่าออสเตรเลีย คราวนี้เราทำแบบ online มาก่อน และค่อยไป VFS ที่นานาตึก Trendy ที่เดิมเพื่อไปให้เค้าแสกน และเก็บลายนิ้วมือ เราว่าวิธีนี้คือดี สะดวก ง่าย เร็วมาก และคิดว่าคราวหน้าก็จะทำวีธีนี้ ข้อดีคือเราไม่ต้องเตรียมเอกสารอะไรให้เยอะแยะ แค่เข้าไป login ในระบบ และกรอกรายละเอียดได้เลย อันไหนยังไม่มีเอกสาร หรือยังไม่ได้ขอมาก็สามารถกด save info และค่อยกลับมาทำใหม่ได้ เราว่ามันสะดวกกว่าการที่ต้องปริ้น และไปลุ้นหน้างานว่าครบหรือเปล่า ที่สำคัญคือเราค่อยๆเริ่มทำได้เลย ทำให้ไมผลัดวันประกันพรุ่ง

 

ข้อแนะนำในการกรอก

  1. สำหรับเรา เราว่าการ approve วีซ่าจะเร็วจะช้ามาจากตรงนี้ เราต้องพยายามให้เค้าเห็นว่า 1. เรามีเงิน 2. เรามีภาระ ที่ต้องกลับประเทศ ไม่ว่าด้วยมีครอบครัว ญาติพี่น้อง (ตรง Non-accompanying member of the family unit ไม่จำเป็นต้องเขียนหมดตระกูลนะ5555 แต่แนะนำให้ใส่เข้ามาสัก 2-3คน และถ้าครอบครัวมีใครเคยไปเที่ยวออส เราว่าเลือกใส่ชื่อคนนั้นไปจะดีกว่า) หรืองานการ ธุรกิจที่ต้องกลับมาบริหารต่อ พยายามเพิ่มตรงเรื่องนี้ให้เยอะๆ
  2. ส่วนเรื่อง scan เอกสารเราสามารถใช้ app scan ในมือถือทั่วไปได้เลย และรูปก็คือให้รูปติดบัตรปกติที่เรามีอยู่ scan and upload ได้ตามปกติ ไม่จำเป็นต้องถ่ายใหม่ให้ได้ขนาดที่ถูกต้องขนาดนั้น เพราะของเราใช้รูปที่ไม่ได้ขนาดเท่าที่เค้าต้องการ ก็ไม่ได้มีปัญหาส่งกลับมาให้ทำใหม่ หรืออะไร เอกสารสำหรับวีซ่าออส ไม่ต้องแปล ด้วย เลยถ้าใส่อะไรได้ก็ใส่ๆเข้าไปให้มากที่สุด
  3. อีกอย่างคือตอนสุดท้ายที่เค้าจะมีขอให้เราสามารถ upload other travel documents แบบ freestyle แนะนำให้ scan passport เก่า หรือวีซ่าอะไรก็ตามที่เราเคยไปประเทศอื่นๆมา อย่างเมกา หรือยุโรป ถึงแม้จะหมดอายุไปแล้วไปก่อน เพราะเค้าไม่เห็น passport เล่มจริงเรา และก็อาจจะไม่ได้รู้ว่าเราไปไหนมาบ้างแล้วมาก่อน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
  4. ตรง Evidence of planned tourism activities in Australia ช่วงสุดท้าย เราสามารถทำ basic google sheets แบบที่เราทำแบบนี้ และส่งเป็นรูป screenshot ให้เค้าได้เลย ในหมวด Itinerary ไม่จำเป็นต้องมีรูปของตั๋วเครื่องบิน หรือใบคอนเฟิมจากโรงแรมใดๆอะไรทั้งสิ้น และเราแนะนำด้วยว่าอย่าซื้อตั๋วกันก่อน ถ้า cancle ฟรีไม่ได้ เนื่องจากมันเสี่ยงมาก ไม่ใช่ว่าเค้าไม่ให้วีซ่าเรานะ แต่ถึงให้ก็อาจจะช้าเกินไป เพื่อนเราหลายคนคือซื้อก่อน และต้องจ่ายเงินเยอะมากๆในการเลื่อนตัว
  5. เมื่อเรา submit ทุกอย่าเสร็จจะมีอีเมลส่งมาแบบ auto message อยู่ 2 เมลด้วยกันคือ 1. IMMI Acknowledgement of Application Received และก็ 2. Requirement to Provide Biometrics เมื่อเราได้แล้วก็จะต้องดำเนินการต่อไปในเรื่องของการเก็บลายนิ้วมือ

BIOMETRIC COLLECTION

  1. เข้าไปใน เว็บของ VFS เพื่อ book an appointment หรือวันและเวลาที่จะเข้าไปเก็บลายนิ้วมือ
  2. create account และ login ให้เรียบร้อย > Start new booking > ของเราจะเลือกเป็น กรุงเทพ และจะรับบริการแค่เรื่อง biometrics เนื่องจากทำวีซ่า online มาแล้ว เค้าก็จะบอกเลยว่าเร็วสุดได้วันไหน วันที่เราถ่ายรูปข้างล่างคือวันที่ 3 ซึ่งเป็นวันเสาร์ เร็วสุดได้ 6 คือวันอังคาร ถือว่าค่องข้างเร็ว

AUS Visa Application

3. เมื่อกดให้ไปต่อ นางจะมีให้ใส่ VLN (Visa Lodgement) Number ซึ่งจะมีอยู่ในเมล Requirement to Provide Biometrics จะเริ่มจาก AUE-TH- และก็เบอร์ เพื่อเป็นการบอกว่าเออที่ชั้นจะเข้าไป มันสำหรับ application อันไหน ใส่ให้ถูกด้วยน้าา

4. เมื่อเรากรอกทุกอย่างเสร็จ เค้าจะมี automessage  มาเป็น confirmation email (หัวชื่อ Appointment Confirmation จะมี PDF แนบมา) ให้เราปริ้นไป เป็นใบนัดในวันที่ไปตึก trendy นั่นเอง

 

โอเคมาดูเรทค่าจอดรถกัน

สามารถประทับตาได้ที่  VFS แต่ได้แค่ 1 ชั่วโมงแรกนะคะ ชั่วโมงต่อไปเสียตังอยู่ดี 30 บาทเนอะ

 เค้าจะกดให้เรา เพราะเป็นลิฟท์ที่พาไป VFS โดยตรงค่ะ

พอถึงชั้น 28  แล้ว เค้าจะให้เข้าแถวรอตรวจความปลอดภัยค่ะ

 


FEES

UPDATE: JULY 2022 เพิ่งไปมาสดๆร้อนๆ ราคาตอนนี้หลัง COVID จะเป็น

ค่าทำวีซ่า – 3901.24 THB (หรือ 152.10 AUD) –> อันนี้เราจ่ายบนเว็บ

Biometrics – 708 Baht (ค่าบริการ scan ลายนิ้วมือ) –> ส่วนอันนี้เราจ่ายเงินสด เท่านั้น ที่ VFS ไม่สามารถ scan จ่ายหรือใช้บัตรรูดได้นะคะ เราต้องลงไปกดเงินเองเลย

TOTAL: 4609 Baht


PROCESSING TIME

อันนี้ถือว่าเป็นเรื่องร้อนเลย เนื่องจากช่วงนี้มีแต่คนบ่นว่าไม่ว่าจะไปประเทศไหนก็้เวลานานมากกกกกกกในการทำวีซ่า ไม่ว่าจะมี backlogs ที่วีซ่าที่ค้างไว้ในทุก stream ไม่ว่าจะเป็นวีซ่าแบบนักท่องเที่ยว หรือแบบไปทำงาน นับล้านกว่าคน ทำให้การรอให้ reject/approve นานมาก ขนาดที่เพื่อนเราขอก่อน 3 เดือนก่อนหน้า (May/June จะบินไปรับปริญญาช่วงสิงหา) ยังเกือบได้ไม่ทัน บางคนคือไม่ได้คำตอบเลยด้วย มาได้ทีหลังจากวันที่บอกว่าจะบินไป อันนี้บอกตรงๆเลยว่าดวงเท่านั้น เพราะจังหวะที่เราไปขอ เราก็ได้เลยภายใน 2 อาทิตย์ ถือว่าค่อนข้างเร็ว ไม่ว่าจะยังไงก็ตามอยากให้ทุกคนเผื่อเวลา อันนี้คือ Timeline ของเรา อาจจะเป็นเคสที่โชคดีหน่อยด้วยซ้ำ จากที่ฟังเพื่อนหลายๆคนที่ apply ไปก่อนหน้า

19 July 2022: Submitted online application

27 July 2022: Went to VFS for biometric collection

9 August 2022: Visa got approved

สำหรับวันที่เข้าไปรับบริการแสกนนิ้วมือที่ vfs ไม่ได้ช้า หรือมีคิวเยอะอะไร เราเข้าไปดูวันที่ 19 หรือคืนวันอังคาร หลังจาก submit online application แล้ว เร็วสุดก็คือสามารถจองเข้าไปได้วันจันทร์หน้าเลย แต่เราสะดวกไปวันพุธเย็น ก็เลยเลือกวันที่ 27 จริงๆ เราว่าความช้าไม่ได้มาจากการหาคิวไปแสกนลายนิ้วมือ แต่คือจำนวนคนที่ review และดูว่าจะให้เราผ่านไม่ผ่านมากกว่า

เมื่อ approve แล้ว เค้าจะส่งอีเมลมาให้ ส่วนตัวเราได้ 1 ปี multiple entries ถึงแม้ไม่ได้ขอ (เราสามารถขอได้ตรง Proposed period of stay) จากที่จำได้เมื่อก่อนโควิด เค้าจะไม่ให้นาน จะให้แค่ช่วงเวลาสั้นๆที่เราไป ประมาณ 1 เดือน และเป็น single entry ทำให้อันนี้เลยคุ้มเงินกับที่ไป ถ้าเราอยากไปอีกในรอบปีก็คือไม่ต้องมาทำใหม่แล้ว อาจจะช่วยในเรื่องของ application ใหม่ๆด้วย จะได้ไม่ต้องมาขอบ่อยๆมั้ง555

อีกอย่างที่ดีมากๆของวีซ่าออสคือ ไม่ต้องเอา passport เล่มจริงไปให้นาง และกลายเป็นเราไม่มี passport ใช้ เพราะทุกอย่างเป็น digital เมื่อ approve และก็ได้แค่อีเมลที่มี pdf file ในนั้น แต่ก็ทำให้เราไม่สามารถเก็บสะสมวีซ่าได้ในเล่มจริงด้วยเช่นกัน5555 ตอนเข้าตรวจคนเข้าเมือง ก็ไม่ต้องเอาอะไรไป ถ้าอยากสบายใจหน่อยก็ปริ้น pdf file จากเมลได้ แต่ในประสบการณ์เราไม่จำเป็น แค่ยื่น passport เปล่าๆไป เค้ามีชื่อในระบบ และเลข passport เราแล้วว่ามรีการ grant visa ให้ จริงๆแทบไม่ได้เจอตม.ที่ออสเป้นคนด้วยซ้ำ แต่เป็นเครื่องที่แค่ scan และผ่านได้เลยย


ท้ายสุดแล้ว ขอให้ทุกคนโชคดีในการ วีซ่าออสเตรเลีย ในครั้งนี้ และได้ไปเที่ยวอย่างมีความสุข และทุกอย่างราบรื่นด้วยค่าาา ♡

Comments

comments