สวัสดีคับบบบบทุกคนนนน คือจะเริ่มตรงไหนดี ไม่ได้เขียน blog มานานมากๆ โดยเฉพาะตั้งแต่การจัดสินใจว่าจะเปลี่ยน hosting ของเว็บ และ reset เนื้อหาใหม่หมด หลายๆคนอาจจะงงๆว่าทำไม post หลายๆอันหายไป อันนี้ก็มาจากการที่เราเปลี่ยน hosting ของเว็บ และย้ายมาอยู่ใน plan ราคาที่ย่อมเยาว์มากขึ้น บวกกับการที่เราอยาก reset blog ใหม่ เพราะเนื้อหาอะไรหลายๆอย่างไม่ update แล้ว โดยเฉพาะหลังจาก COVID นั่นเอง

ในที่สุดเราก็ได้มีโอกาสไปเที่ยวหลายๆที่หลังจากประเทศได้กลับมาเริ่มเปิดอีกครั้ง ทั้งออส ญี่ปุ่น และฮ่องกง ที่เพิ่งไปมาเมื่อต้นเดือนกันยาที่ผ่าน แต่ถามว่าได้เขียนแชร์ที่เที่ยวอะไรไหม คือบ่ได้เขียนจ้าา ความขี้เกียจชนะเหมือนเดิม5555

แต่! วันนี้เราจะชนะความขี้เกียจ และมา update ที่เที่ยวที่เราไปของฮ่องกง และเป็นทริปที่ไปแบบงงๆ ไม่เตรียมตัวอะไรเลย ตกลงคือไม่ได้เที่ยวอะไรเท่าไหร่เนื่องจากฝนตกทั้งทริปจ้าา และก่อนหน้านี้ก็คือน้ำท่วมม อะมาดูกันว่าถ้าเราไปครั้งหน้า เราควรเตรียมตัวยังไง และมีอะไรให้ทำกันบ้าง!


ฮ่องกง กับเงินสด ในปี 2023

พูดได้เลยว่าอันนี้ underestimate สุดๆ โดยเฉพาะเราที่คิดว่าโอเคมันผ่าน COVID มาด้วย คงไม่ใช่เงินสดแล้วมั้ง และประเทศเค้าดูพัฒนา น่าจะใช่ credit card มากขึ้นไหม ปรากฏว่าไม่เลยจ้า ค่อนข้าง cash-based เหมือนญี่ปุน อะอธิบายนิสนุง คือไม่ได้ เงินสดอย่างเดียว แต่เค้าจะใช้ Octopus card คือ card สารพัดประโยชน์ แต่ในฐานะของนักท่องเที่ยว เราต้องใช้เงินสดในการเติมงาน Octpus อยู่ดี ไม่สามารถ top-up card ได้โดยการใช้ credit card/ debit card/ travel card เลย

สำคัญมากๆ คือ taxi ที่ฮ่องกงส่วนใหญ่ ไม่รับแม้แต่ octopus คือเงินสดเท่านั้น นอกจากจะจองมาจาก Uber app ที่ตัดบัตร แต่ถ้าเรียกจากถนน หรือสถานีรถไฟ คือไม่ได้

อันนี้เราเลยแอบเซ็งที่เอาเงินสดไปน้อยกว่าที่ควร เราแลกไปแค่ประมาณ 500 HKD หรือประมาณ 2000 กว่าบาท และอย่างที่รู้ ทุกอย่างที่ฮ่องกงจะสูง ก็คือเกือบหมดภายในวันแรกจ้า5555 ร้านอาหารส่วนใหญ่ ถ้าไม่อยู่ในห้าง หรือแม้แต่ร้านชานมคือไม่รับ travel card เลย ขนาดชานมในห้างก็ไม่รับนะ คือเศร้ามาก เที่ยวไม่สนุกเลย กลัวเงินสดหมด

เราเลยขอแนะนำทุกคนที่ไปเที่ยวฮ่องกง ให้พกเงินสดไปเยอะๆ และใส่ในบัตร Octopus เพื่อใช้ในการเดินทาง กินข้าว ซื้อของสะดวกซื้อ จะได้สบายใจ และถ้าไม่ใช้ไม่หมดก็ค่อยกลับไทยมาแลกคืน

บัตร Octopus

WHAT? บัตรนี้ไม่ได้ให้ส่วนลด หรือเก็บแต้มอะไรทั้งสิ้น แต่แค่เหมือนเป็นบัตรที่ทำให้ไม่ต้องพกเหรียญ หรือหาจำนวนเงินที่ถูกต้องในการชำระเงินทุกครั้งอะไรแบบนี้

อย่างที่บอก บัตร Octopus card คือ card สารพัดประโยชน์ ใช้ในการเดินทาง กินข้าว ซื้อของสะดวกซื้อ แต่ ต้องใช้เงินสดในการซื้อ และ top up เราได้ยินมาว่ามันสามารถ top up ใน app ได้ และ install app มาเรียบร้อยแล้ว แต่เราจะสมัครไม่ได้ เนื่องจากเค้าต้องการเบอร์โทรท้องถิ่น ไม่สามารถเปลี่ยน country code (+66) เป็นของไทยได้ ขนาดเรา roaming เตรียมรอ OTP ก็คือไม่ได้จ้าา

WHERE and HOW? เราสามารถซื้อได้ที่สถานี MTR และ Airport ราคาจะอยู่ที่ 200 HKD for Adult

ในนั้นจะมีราคาบัตร 50 HKD ที่เราสามารถขอคืน (refund) ได้ถ้าเราไม่ได้เอากลับไทยมาเป็นของที่ละลึก เซ็งนิดนุงคือมันมีค่าหัก handling fee อยู่ประมาณ 11 HKD คือพูดง่ายๆว่าไม่ได้เงิน 50 HKD เต็มจำนวน จะได้ประมาณ 50 – 11 = 39 HKD โดยประมาณ

ถ้าไม่ได้มีเงินในบัตรเยอะ ที่ต้องการแลกกลับเป็นเงินไทย เราว่าเก็บบัตรไว้ก็ไม่เสียหาย และใช้สำหรับเที่ยงครั้งหน้า จำได้ว่าเงินเก็บได้ 3 ปีมั้ง แต่เข้าใจว่าขอ re-activate ได้ที่สถานี และส่วน 150 HKD ที่เหลือ ที่จะเป็นเงินที่เราใช้ได้ในบัตร


เดินทางจากสนามบิน เข้าเมือง

ก่อนหน้าทริปนี้ ในทริปก่อน COVID เราจำได้ว่าเราเลือกใช้ airpot bus แต่มาคราวนี้ airport bus ไม่ได้อยู่ในตัวเลือกเลย เพราะมีแต่คนบอกให้ใช้ Airport Express หรือรถไฟเข้าเมือง สะดวกสบายมากกก เราซื้อ return trip บน Klook เพราะเท่าที่เข้าใจคือราคาถูกกว่า และจะได้มาเป็น QR code ในการใช้บริการ อาจจะมีความตื่นเต้นนิดนุง ว่าทำไมมันไม่อ่าน QR code แต่โดยรวมแล้วโอเคเลย

เนื่องจากโรงแรมเราอยู่ใน Tsim Sha Tsui เราเลยไปลงที่ Kowloon Station และนั่ง Taxi มาประมาณ 50 HKD

Taxi ที่ฮ่องกงราคาไม่แย่มาก แต่ meter แอบขึ้นเร็วอยู่ และถ้าเรามีกระเป๋าเดินทาง เค้าจะ +6 HKD ต่อใบ เพิ่ม

รูปข้างล่างเป็น reference จาก Kowloon Station น้าาา ถ้าไปลง Station อื่น อย่าง Hong Kong Station จะเป็นอีกราคา

TIPS: ขากลับ เราเรียกใช้ Uber แทน และเค้าก็ไม่ได้คิดค่ากระเป๋าเพิ่ม และสามารถใช้บัตร travel card ในการตัดได้


ร้านอาหาร และร้านขนมที่แนะนำควรไปลอง

เราขออนุญาต list เท่าที่มี อาจจะมีรูปบ้าง ถ้าได้ไปจริง แต่ถ้าไม่ได้ไปก็คือจะใส่ชื่อไว้เฉยๆ เพราะมีคนแนะนำมาอีกที เผื่อใส่ไว้ให้ทุกคนลองเอาชื่อร้านไป search และตัดสินใจกันได้เลยว่าน่าสนใจพอที่จะไปดีไหมกันดูนะ

1. Bakehouse – for egg tarts

อันนี้ไม่พูดถึงไม่ได้ คนต่อแถวเยอะมาก egg tart นางแป้งมันจะพิเศษ เพราะมันจะกรอบอร่อย และคือวันที่เราไปโชคดี ฝนตกเลยคนไม่เยอะ ไม่ต้องต่อแถว และได้กินเลย วัดดวงสุดๆเพราะรู้ว่ายางคนมาก็คือหมด ไม่ได้กิน ชอบที่นี้เนื่องจากรับบัตร credit card ชั้น55555 กาแฟก็อร่อย เพื่อนเรากินอย่างอื่น บอกอร่อยหมดด

2. Cheung Hing Kee Shanghai – for pan fried buns

เป็นร้านริมถนน ราคาน่ารัก รู้สึกว่านางจะได้ Michelin Guide ปี 2016 เห็นคนแนะนำเยอะมากใน tiktok อันที่นางแนะนำคือ truffle ส่วนตัวอะไม่ค่อยชอบ truffle อันนี้เลยแบบกินได้ แต่อันอื่นๆเราว่าก๋อร่อยดีนะ แต่! กินแล้วเลอะแน่นอน เพราะน้ำในซาลาเปามันเยอะมาก แนะนำให้ระวัง เพราะเลอะแน่นอนจริงๆ5555

Credit: Tripadvisor

3. Milk tea

  • Mother Pearl Causeway Bay

เพื่อนฮ่องกงแนะนำ แต่ไม่ได้ลอง

  • Comebuy Tea

คนไทย และ tiktok แนะนำ แต่ไม่ได้ลอง

  • CHICHA San Chen

ลองเพราะไปห้าง K11 MUSEA และเห็นคนต่อแถวกันเยอะ เราว่าไม่แย่เลย เราค่อนข้างชอบ ไม่รู้ทำไมรีวิว google ไม่ค่อยดีเหมือนกัน แต่แอบรอนานเพราะคนเยอะะ

4. Dimsum

อันนี้เพื่อนฮ่องกงเราแนะนำมา มันอยู่ในตัวห้างแถว Habour City

อันนี้มีคนแนะนำมาหลายคน ราคาน่ารัก แต่เพิ่งรู้ว่าควรสั่งข้าวอบหม้อดิน555

Tiktok แนะนำมาเลยไป

5. Hot Pot

อันนี้เพื่อนฮ่องกงเราแนะนำ และพามา เนื่องจากมันอยู่ใกล้ๆโรงแรมเรา และเราว่ามันอร่อยเลยนะ โดยเฉพาะซุปไก่คือดีมาก เพราะส่วนตัวเรากับเพื่อนอีกคนไม่ชอบหมาล่า เค้าจะให้เรากินน้ำซุปก่อนไก่ก่อน และค่อยเติ่มน้ำซุปเปล่าเพื่อเริ่มใส่พวกเนื้อ หรือลูกชิ้นเข้าไปได้

Hong Kong - Food - Wulu Bar & Restaurant

6. Others

  • 喜茶HEYTEA – for mango drinks
  • Wah Heung Yuen – ข้าวไข่ข้น หมูทอด ของคุณอาร์มจาก tiktok
  • Master Congee สำหรับโจ้ก
  • Ki’son Roasted Goose สำหรับข้าวหน้าห่าน

ที่เที่ยว ที่ถ่ายรูปที่ควรไป

EDIT: ที่เที่ยวฮ่องกงแรกๆจะเป็นจากทริปก่อน COVID นะ อาจจะต้อง double check ข้อมูลอีกที เพราะอาจจะไม่ update แล้วเด้อ

Sai Wan Swimming Shed

อันนี้เราตกใจจริง คือรู้มาตลอดว่าฮ่องกงเป็นเกาะนะ แต่ไม่เคยคิดว่จะมีฟีลแบบให้ดูวิวแบบนี้5555 เปลี่ยนบรรยากาศจากที่ดูน้ำทะเลระหว่างช๊อปปิ้งที่ Victoria Habour เป็นดูข้าง ๆ โขดหินบ้างก็รู้สึกเปลี่ยนฟีลไปได้แบบไม่น่าเชื่อ

 

การเดินทางแอบยากนิสหนึง เพราะต้องเดินมาจาก MTR Kennedy Town Station และมันแอบขึ้นลงเขาด้วย แนะนำว่าควรไปตอนช่วงพระอาทิตย์ตก เพราะโรแมนติดสุด ๆ และเราจะเห็นคนเค้ามาเป็นคู่กัน เพราะที่นี้เป็น spot ที่คนชอบมาออกเดท เนื่องจากได้มีการเดินขึ้นเขานิดหน่อย และวิวที่สวยของพระอาทิตย์และน้ำทะเล ทำให้เป็นสถานที่ที่ดีมาก ๆ ในการออกเดท

Choi Hung Estate

อันนี้ไม่ไปคงจะไม่ได้ เพราะเห็นหลายคนไปถ่ายรูปกันน ทั้งฝรั่ง ทั้งไทย ทั้งเอเชีย ไปมาหมดดด มันก็คือเจ้าตึกที่มีสีสันสวยงาม ตอนแรกเราก็เข้าใจว่านางอยู่สิงคโปร์ แต่เปล่าจ้าา นางอยู่ฮ่องกงนี้เอง และการเดินทางก็ง่ายแสนง่าย และเพราะเป็นตึกแถวบ้านคน ทำให้การเดินทางมันสะดวกมาก ออกจากสถานีก็ถึงเลยยย ตรงที่ยากคือหาจุดที่เค้าถ่ายรูปกันไม่เจอเนี้ยละ

 พอเดินไปเดินมาก็เจอ ร้อนมากกกกก และคนเยอะ เห็นยังงี้กว่าจะได้คิวถ่าย ต้องเกรงใจกันไปเกรงใจกันมา

Montane Mansion

โอ้โห อันนี้คือจุด iconic  ของฮ่องกงสำหรับชาว millennials เลยก็ว่าได้ มันก็คือจุดที่บ่งบอกความเป็นฮ่องกงอย่างชัดเจน ตึกแถวที่ยัดกันอยู่แบบดูแล้วคันตาาาา ยุ่งเหยิง ทำให้เห็นถึงชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่นี้ ที่มีพื้นที่การใช้สอยน้อยและแคบมาก ทำให้นึกถึง เมืองเถื่อนในอดีตที่เกาลูน หรือที่เค้าเรียกกันในภาษาอังกฤษว่า  Kowloon Walled City ที่มีความแออัด ยากจน และไม่มีระเบียบอย่างมาก อาจจะถามกันว่าเอ้าแล้วไปรู้จักได้ไง ก็เพราะที่แห่งนี้เป็น set  ของหนังฟอร์มยักษ์ มากมายอย่าง Transformers: Age of Extinction เป็นการโชว์ถึงแก่นวิถีของคนที่นี้อย่างแท้จริง แน่นอนว่ามาครั้งนี้ก็ต้องไม่พลาด การเดินทางไม่ยากเลยค่ะ แต่ที่ยากคือหามุม และจัดกล้องให้ถ่ายได้ให้สวย ใช้เวลาประมาณหนึงเลย

 

จะบอกกว่าจะได้รูปนี้คือคนถ่ายเกือบตกจ้ะ จะบอกว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะได้มุมที่เราชอบบบบ จิกกล้องแตกตั้งนานนนน

นี้ก็จะเป็นบรรยากาศโดยรอบตอนออกจากสถานีมา ตึกสกปรก ยุ่ง วุ่นวายมากกก เห็นแล้วไม่น่าอยู่เลย แต่เป็นอะไรที่ฮ่องกงจริง ๆ

การเดินทางสามารถเลือกได้ว่าจะลงสถานี  Tai Koo หรือ Quarry Bay  เราเลือกที่จะลง Tai Koo ค่ะ เพราะได้ที่นั่งพอดีอยากนั่งต่อ 55 อะ ถ้าใครไปแล้วไม่อยากไปไหว้พระที่เดิม ๆ หรือมีคู่แล้วไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปขอพรที่ไหน ก็อย่าลืมแวะไปดูที่ต่าง ๆ กันนะ 🙂

Graham Street Mural

พอดีเห็นโพสในเฟสช่วงก่อนไปว่ามี street art ตรงนี้ที่ต้องไปดูกัน แต่พอไปดูจริง ๆ คือคนเยอะมากจนขี้เกียจรอถ่ายรูป และรู้สึกแปลก ๆ เพราะคนเหมือนรอกันไปรอกันมา ไม่อยากถ่ายเลย55 เราเลยไม่ได้ถ่าย แต่เดินเล่นเอา

Arch Angel Art

ถ้าตรง Graham Street Mural คนเยอะ เดินมาอีกนิด ก็จะเห็นว่าในซอยแถว ๆ นั้นมี  street art  กันหมดเลย แต่ตรงที่ iconic อีกอันคือที่เป็นรูป  Marilyn Monroe ค่ะ ตรงนี้อยู่ตรงมุมตึก สีสวย retro ถ่ายขึ้นกล้องสุด

 2023 UDPATE

แน่นอนว่านอกเหนือจากคาเฟ่แล้ว ก็มีวัดด้วยที่ควรไป และก็ Hong Kong Disneyland อีก แต่ส่วนตัวไม่ค่อยชอบเที่ยวสวนสนุกก็เลยไม่ได้ไป และก็มีชมวิว Victoria Peak ที่เชื่อว่าทุกคนคงรู้กันดีอยู่แล้ว แต่ทริปที่ผ่านมาเราได้ไปไม่เยอะเนื่องจากฝนตกด้วย แต่ก็เอารูป กับไอเดียของที่ๆตอนแรกอยากไปมาฝากกัน

Man Mo Temple

จริงๆฮ่องกงมีวัดเยอะมากกันอยู่แล้ว อย่างที่เรารู้ แต่เราไปวัดนี้เนื่องจากอยู่แถว Sheung Wan ซึ่งเป็นย่านคาเฟ่

Man Mo Temple

Man Mo Temple

แน่นอนว่าหลังไหว้พระเสร็จแล้ว อย่าลืมไปคาเฟ่แถวนั้น หนึ่งในที่เราไปคือ Halfway Coffee ซึ่งเราชอบการตกแต่งร้าน และพวกแก้วเค้ามาก มีควาเป็น traditional จีน ให้เห็น แต่ราคาก็เอาเรื่องอยู่ อย่า x4 ไปก็พอ 555

Halfway Coffee - Hong Kong - Sheung Wan

Hong Kong Cultural Centre

อันนี้เสียดายทริปนี้เราไม่ได้ไป เนื่องจากว่ามันฝนตกบ่อย และขี้เกียจ แต่เป็นที่ๆคนไปถ่ายรูปมุมมหาชนตรวนี้นั่นเอง

File:Hong Kong Cultural Centre (2038560974).jpg - Wikimedia Commons

ขอบคุณรูปจาก Wikipedia

K11 MUSEA

นอกจากจะเป็นห้างที่โคดดดดสวยแล้ว ยังมีวิวที่ดีมากๆๆ เราแนะนำให้มาเลย เพราะการ design/architecture ของห้างไม่เหมือนที่ไทย หรือห้างปกติ ที่สำคัญคือห้องน้ำดีมาก อย่างกับสปา คือน่านอนสุด55555

K11 Musea

K11 Musea

K11 Musea

 

เรียบเรียงโดย ohmissannabella.com

Comments

comments