สวัสดีค่าาา ถึงเวลารีวิว ที่กักตัวของรัฐ หลังจากนีวิวการเดินทางจากเมลเบิร์นไปซิดนีย์ และการกักตัวซิดนียืไปแล้ว วันนี้เลยอยากมารีวิวการ บินกลับไทย ช่วงโควิดจากเมลเบิร์น ออสเตรเลีย ที่เราเพิ่งได้เดินทางขึ้นเครื่องกลับมาเมื่อวันที่ 15-16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สำหรับการรีวิวครั้งนี้ เราจะแยกกันเป็น 3 ตอนด้วยกัน:

สำหรับตอนที่ 1:
จะเป็นการเตรียมตัวซื้อบัตรโดยสาร และเอกสารที่ต้องเตรียมต่างๆก่อน บินกลับไทย กันน

สำหรับตอนที่ 2:
จะเป็นการรีวิวการเดินทางตั้งแต่ Melbourne ไปลง Sydney เพื่อกักตัวกับทางรัฐ NSW และจาก Sydney กลับมากรุงเทพ

สำหรับตอนที่ 3:
จะเป็นการรีวิวเมื่อถึงสนามบินสุวรรณภูมิ จนถึงการมา ที่กักตัวของรัฐ ที่พัทยา รีวิวห้อง อาหาร และกฎต่างๆที่มีไว้แบบคร่าวๆกัน

สำหรับบทความนี้จะเป็น PART 3: การบินมาถึงประเศไทย รอตรวจที่สนามบินสุวรรณภูมิ และเข้าพัก “ที่กักตัวของรัฐ” กันน เชื่อว่าหลายๆคนที่กำลังจะกลับบ้านอยากรู้เรื่องตรงที่สุด เพราะเป็นพาร์ทที่นานที่สุดของการเดินทาง เนื่องจากต้องกักตัวถึง 14 วันด้วยกันน ขณะที่เขียนบทความนี้ เรากักตัวจะจบวันที่ 11 แล้ว เลยคิดว่ามีประสบการณ์พอมารีวิวอธิบายให้ฟังได้แล้วนั่นเอง


1. สนามบินสุวรรณภูมิ

เริ่มแรกคือถึงสนามบินก็ลงเครื่องปกติ แน่นอนว่าต้องเจอวิวนี้ที่ทุกคนเคยเห็นกันมาแล้ว กับที่นั่งเยอะมากๆ เพื่อให้คนที่เพิ่งมาถึงได้นั่งขณะที่เจ้าหน้าที่ของสนามบินมาเชคเอกสาร

อย่างแรกเลยคือเราจะโดนแยกกับคนที่จองโรงแรม หรือ ASQ (Alternative State Quarantine) นั่นเอง เค้าจะถามว่าจองโรงแรมมาไหม ซึ่งตอนแรกเรางงมาก เพราะจะไปกับโรงแรมของรัฐไม่รู้ว่าคือจองมายัง555 แต่ให้ตอบไปว่าไม่ได้จอง เค้าจะรู้ว่าเป็น state นั่นเอง

พอเค้าแยกคนเสร็จ ก็ให้เราไปนั่ง พอเรานั่งก็จะมีคนมาหาเพื่อตรวจสอบเอกสาร เอกสารก็แน่นอนว่ามี 1) COE 2) Fit-to-Fly 3) ฟอร์มต.8
และเค้าจะถามว่านั่งที่นั่งอะไร เค้าขอ boarding pass เราด้วย แต่เราลืมไว้ในเครื่องแต่จำได้เลยบอกไป อันนี้ก็เพื่อว่าถ้าเกิดเรามีโควิด เค้าจะได้รู้ว่าเรานั่งตรงไหนในเครื่อง และใครที่นั่งใกล้ๆเราบ้าง

เนื่องจากตอนที่เรามามีเครื่องบินคนจีนลงพอดี และกลุ่มก็ลอนดอนด้วย คือคนเยอะมาก แต่ยอมรับเลยว่าคนไทยค่อนข้างมีระเบียบกว่าต่างชาติ เพราะมี staff เยอะพอที่จะอธิบายว่ากำลังรออะไรอยู่ สำหรับตอนนี้เค้าจะวัดอุณหภูมิร่างกายเราด้วย เค้าก็แนะนำว่าให้ถอด jacket ออกเพื่อให้ตัวไม่ร้อนมาก สำหรับตอนนี้อาจจะรอประมาณ 30-40 นาทีได้ แล้วแต่ว่าคนเยอะไม่เยอะ เราสามารถเข้าห้องน้ำได้ปกติ

และเค้าก็จะเปิด counter ให้คนข้างหน้าเราเดินออกมา เหมือนเดิมค่ะ คือตรวจเอกสาร และวัดอุณหภูมิร่างกาย เราเข้าใจว่าตอนนั่งเค้าเชคว่าเรามีครบจะได้ไม่ต้องมาเปิดของให้วุ่นวายหน้า counter ทำให้เสียเวลา และวุ่นวาย เกะกะคนอื่นที่เค้าพร้อมแล้ว

เดินไปเข้าตม.ปกติเลย เค้าก็จะให้เราเอา mask ออกเพื่อดูหน้า และตอนนี้เค้าจะเอาเอกสารต. 8 ไปจากเรา

การเคลมกระเป๋าปกติ นอกจากจะมีรถเข็นกระเป๋ามาวางให้เป็นระเบียบเพื่อกันไม่ให้คนไปเอากับที่เดียวแบบแออัดแล้ว ก็ปกติเลย แน่นอนว่าตรงที่ไม่ปกติคือตอนออกมา เราจะได้เบอร์ เพื่อขึ้นรถบัส เบอร์นี้ละ ที่จะบอกชะตาเราว่าจะได้ไปโรงแรมไหน55555

2. ขึ้นรถบัส

ก่อนขึ้นบัสรับรองต้องฉีดฆ่าเชื้อกระเป๋าเดินทาง บอกเลยว่าของเราเค้าแทบไม่ได้ฉีด เรางง และเซ็งมาก55555 มันเปียกอยู่แค่จุดเดียวคือไรร

3. โรงแรม ที่กักตัวของรัฐ State Quarantine

จริงๆคือไม่มีใครรู้ว่าจะไปโรงแรมไหน เค้าจะ random allocate ให้ แต่กลุ่มเราไปถามคนขับรถ เค้าบอก Le Bali เราเลยหากันใน google และรู้ว่านั่งอีกยาวววว เนื่องจากอยู่ถึงพัทยา! รอบเมลเบิร์นครั้งที่แล้วเพื่อนเราได้โรงแรมในกรุงเทพ แต่เอาจริงที่ฟังๆมามีแต่โรงแรมในพัทยาส่วนใหญ่ เราส่วนตัวคือคิดว่าพัทยาอาจจะดีกว่าตรงที่โรงแรมจะมีระเบียง และรู้สึกใหม่กว่า?

แต่ไม่รู้เหมือนกันเนื่องจากอีกกลุ่มได้ Ambassador กับ Jomtien Palm Beach Hotel & Resort ซึ่งเราก็ว่าเก่าใช้ได้เลยถึงแม้เค้าจะ renovate ใหม่แล้วก็ตาม เสียอย่างเดียวที่อยู่พัทยาคือญาติจะมาเอาของให้ หรือมารับวันออกคือแอบลบาก มันไกลอะเนอะะ

อีกอย่างเค้าจะนับ Day 1 ของการอยู่ ที่กักตัวของรัฐ เริ่มวันถัดไป ไม่ว่าคนจะเข้ามาเช้า มาเย็น เค้าจะค่อยเริ่มนับอีกวันเท่านั้น ส่วนวันที่เข้าห้องพักจะนับเป็น DAY 0

 

3.1 การ check-in เข้า ที่กักตัวของรัฐ

เรา impressed กับการ checkin มากกกก เร็วมากกกกก แตกต่างจากที่ซิดนีย์อย่างมาก นอกจากทุกอย่งเป็นระบบ โรงแรมคือไม่ใช่โรงแรมแล้วนะ อยากให้เข้าใจว่าอย่าไปดูรูปใน google เยอะ และหวังไว้มากไป เพราะเราทำเนื่องจากรู้ตั้งแต่ถามคนรถแล้วว่าจะไปไหน คือมันไม่เหมือนในรูปแน่นอนเนื่องจากเป็นของรัฐแล้ว เมื่อเค้าเข้า state quarantine เค้าก็เหมือนไม่ใช่โรงแรมแบบปกติ ทุกอย่างในห้องก็จะ bare minimum สุดๆ เพื่อความประหยัด และความง่ายในการทำความสะอาด และย้ายคนเข้าออก

พอเราลงมาจากบัส เค้าให้เตรียมบัตรประชาชน ถ้าไม่มีใช้ passport ได้แต่บัตรประชาชนดีกว่า และแนบไว้ตรง screen ใสๆหน้าเจ้าหน้าที่ ก่อนที่จะเอากระเป๋าเพื่อเข้าไปรับบัตรห้อง และก็ขึ้นห้องได้เลย อาหารรออยู่ ทั้งหมดนี้ภายใน 5 นาที

3.2 ห้องพัก ที่กักตัวของรัฐ

ส่วนตัวเราเข้ามาครั้งแรกอยากร้องไห้มาก เพราะเราเหนื่อย และแบบหิวมากกก อยากกลับบ้านอะ อาหารที่เค้ามารอไว้ตอนแรกมันเย็นหมดแล้ว เพราะเรากว่าจะมาถึงคือ2-3 ทุ่ม อาหารมาตั้งแต่ 5 โมง ข้าวแฉะมาก รับไม่ได้555 และแบบมีกฎนู้นนี้เยอะ ทำให้เราแบบ overwhelming มากกก

แต่จริงๆเรารู้เลยว่าถือว่าโชคดีมาก เพราะโรงแรมค่อนข้างใหม่ แต่คืออย่างที่บอก อย่าไปดูรูปใน google มันจะทำให้เราผิดหวัง เพราะมันไม่เหมือนในรูปที่เค้าโฆษณา เข้าใจไม๊

แน่นอนว่าอยู่หลายวัน มีน้ำให้ค่าา และก็มีถุงขยะสีแดง ที่ต้องใช้สีนี้เท่านั้น เพราะเราเป็นบุคคลอันตรายยย นี้เป็นสิ่งเดียวที่ขอเพิ่มได้จากโรงแรม ที่เหลือพวกทิชชู่ เค้าให้มาแล้วรอบแรก แต่ถ้าหมด ต้องสั่งซื้อเองนะ และก็มีที่กวาดให้ เพราะอยู่หลายวัน ทำความสะอาดเองเด้อออ

สิ่งที่ควรเตรียมตัวมาคือของใช้ส่วนตัว พวกสบู่ แปลงสีฟัน ยาสีฟัน แชมพู ครีมนวด ทุกอย่างที่ตัวเองต้องใช้เอามาได้เอามาเลย เพราะอย่างโรงแรมเรามีให้ใช้พอแค่คืนสองคืนเดียว อย่างที่เห็นในรูปเลย เราโชคดีเอาทุกอย่างมาเพราะเป็นคนเรื่องมากอยู่แล้ว ประมาณว่าต้องใช้ brand นี้เท่านั้น555

เอาวิวมาให้ดูตอนมีแดด เป็นตึกไม่มีคนข้างๆ เพื่อนเราได้วิวสระว่าน้ำ กับตัวโรงแรม แต่ทุกอย่างอยู่ที่ดวงเลยว่า checkin ได้ลำดับไหน

 

3.2.1 สิ่งที่ควรเอาติดตัวมาด้วยระหว่างกักตัว

อันนี้เราแนะนำสำหรับโรงแรมเราอย่างเดียว ไม่รู้ว่าโรงแรมอื่นอาจจะมี แต่เราแนะนำจริงๆว่านอกจากของใช้ในห้องน้ำแล้ว ให้เอาไดร์มาด้วย เพราะไม่มีไดร์ และมันลำบากมากสำหนับผู้หญิงอย่างเราๆ 555 คนสามารถสั่งของให้ส่งที่โรงแรมได้ แต่เชื่อว่าหลายๆคนอยากสระผมตั้งแต่คืนแรกเพราะเพิ่งลงจากเครื่องมาเหม็นๆเนอะ

นอกจากนั้นให้เอาเสื้อผ้ามาให้ครบวัน และชุดนอน เพราะถึงแม้เค้าให้ผงซักฟอกมา แต่บางทีก็เหม้นกลิ่นอับๆ และผ้าเช็ดตัวเค้าให้เรา 2 ผื่นเท่านั้น คือเราว่าไม่พอออ ไม่มีผ้าเช็ดผม และขอไม่ได้นะจ้ะ

และก็เป็นไปได้ให้เอาผ้ามาเช็ดพื้น เนื่องจากมันอยู่หลายวัน กินๆนอนๆในนี้ กวาดไม่พอ บางทีพื้นมันก็เหนียวๆ เค้าไม่มีผ้าให้นอกจากใช้ทิชชู่555 เราโชคดีที่แม่เอาของมาให้ครบ และก็เป็นไปได้เอา slipper เดินในบ้านมาด้วยจะดีมาก

 

3.3 กฎระเบียบของการเข้าพัก  

3.3.1 กลุ่ม Line

สำหรับการเข้าพัก เค้าจะไม่อธิบายมากเพระรู้ว่าเราเหนื่อย เลยบอกให้เราเข้าห้องแล้วอย่าลืมเข้ากลุ่ม Line ที่จะมีอยู่ด้วยกัน 2 กลุ่มหลัก คือกลุ่มของโรงแรม และกลุ่มทีมแพทย์ เค้าจะมี QR code ให้เข้ากลุ่มบนหัวเตียงเลย

3.3.2 สั่งของ ญาติเอาของมาให้

ตอนแรกใจหายแบบเวงกรรม สั่งของเข้ามาไม่ได้ แต่มีคนไปถามคือสั่งเซเว่นได้ ดีใจมากกกกกกกก รอดแล้ววว สำหรับโรงแรมเราคือต้องสั่งก่อนเที่ยง นอกจากสั่งเซเว่น สามารถสั่ง shopee lazada อะไรงี้ได้นะ ขอแค่ไม่ใช่ของต้องห้ามพอ และถ้าเค้ามาส่งก่อนเที่ยงก็จะได้ภายในบ่ายสองของวันนั้น เพราะเค้าจะตัดรอบตอนเที่ยงวัน เพื่อบ่าย 2 จะได้เอามาให้คนในห้องพักได้ อันนี้ก็มาพร้อมกับของที่ญาติเอามาฝาก เวลาเดียวกันเลย คือญาติสามารถมา drop off ฝากไว้ที่โรงแรมได้ตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงเที่ยง

3.3.3 เก็บขยะ

นอกจากนั้นก็จะมีอธิบายว่าเค้าจะมาเก็บขยะกีโมงกีโมงบ้างง และก็เอาอาหารมาให้กีโมง แน่นอนว่าส่วนใหญ่เค้าจะมาก่อนเวลา เนื่องจากคนพักเยอะมาก เค้าทำไม่ทัน ก็ต้องเริ่มตั้งแต่เนิ่นๆ

3.3.4 แอร์ 

หนึ่งในกฎระเบียบคือให้ผิดแอร์ตอนเช้า และเย็น วันละ 2 รอบ ตอนแรกเราเครียดมาก เพราะเป็นคนตื่นสาย นึกว่าเค้าจะปิดแอร์ auto แต่เปล่าคือขอความร่วมมือผู้เข้าพักให้ผิดแอร์ พักแอร์หน่อยเด้อ ซึ่งความจริงเราปิดนานกว่าเค้าขออีก เพราะห้องที่นี้แอบไม่ร้อน และมีระเบียงง เราเข้าใจว่าโรงแรมของเพื่อนเราอีกโรงแรมหนึงเค้าไม่ได้บอกอะไรนางนะ คงแล้วแต่โรงแรมเลย

จากที่เข้าใจพักที่นี้คือรู้สึกได้ถึงความพยายามของทั้งทีมแพทย์ และคนของโรงแรมมาก เค้าพยายามมากจริงๆ ที่จะเอาใจ และช่วยเหลือคนพัก ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะไม่ได้ให้เงินเค้าเยอะ เราเชื่อว่าอันนี้คือเค้าคงจะแทบไม่ได้อะไรเลย เพราะต้องเข้าใจว่าเรามาอยู่ฟรี อาหารก็ฟรีอะเนอะ

3.3.5 WIFI 

ที่นี้ไม่มี wifi นะคะทุกคนน อยากให้ทำใจเลยถ้ามา ที่กักตัวของรัฐ ว่า wifi ยังถือว่าไม่ essential เหมือนอาหารกับแอร์นะ ตอนแรกนึกว่าแอร์ไม่ essential ตกใจ555 แต่คือของเราจะให้ simcard แบบเบสิคสุดๆในการคุยกับเจ้าหน้าที่ผ่าน LINE และโรงแรมเรามีบริการ pocket wifi unlimited 4G ราคา 999 บาท สำหรับ 16 วันมั้งถ้าจำไม่ผิด แต่ทุกคนบ่นว่าช้ามากกก เราโชคดีมากๆที่มี simcard ของไทยไว้กับตัว เพราะใช้แบบ unlimited ของ AIS ได้เร็วอยู่ แต่ถ้าไม่มีคือซวยมากก เพราะนอกจากจะกักตัว ไม่มีอะไรทำ นอกจากมีทีวีในห้อง คือเราเข้าใจว่าไม่สามารถซื้อ simcard ได้ เพราะต้องไปซื้อด้วยตัวเองด้วย อยากให้ลองคิดดูเรื่องนี้ว่าใครที่จะกลับมาไทยและจะมาอยู่ ที่กักตัวของรัฐ และต้องใช้ internet  เรียน หรือทำงานแบบเรา ต้องคิดดีๆ ว่าจะทำไงน้าา

3.3.6 การรายงานสุขภาพ 

อีกอย่างที่เราต้องทำทุกวันคือกรอกแบบฟอร์ม google form ที่กลุ่มทีมแพทย์จะส่งลิงก์ให้ทุกวัน ให้เราลงกรอกอุณหภูมิร่างกายของเราทุกวัน ถ้าไม่ทำเค้าจะโทรมาตามนะจ้ะะะ ตอนแรกของเราคือให้ทำก่อน 11 โมง เดียวนี้ 9 โมงก็เลยงงๆ คิดว่าเค้าเปลี่ยนเพราะคนไม่ค่อยส่ง แต่ไม่ต้องออกจากห้องเหมือนตอนแรกที่เราคิด

เพราะเค้าจะมีปรอทให้อันใหม่ทุกห้อง อย่างของเราแบบ digital ให้ใหม่ทุกห้อง ใครพังไรงี้เค้าจะมาเปลี่ยนให้ แต่ต้องวัดและเขียนให้เค้าทุกเช้า ไม่ต้องถ่ายรูปเหมือนเพื่อนเราที่อยู ASQ ต้องถ่ายรูปหน้าตัวเองกับปรอทด้วยจ้า

 

 

3.4 อาหาร 3 มื้อ

3.4.1 ห้ามสั่งอาหารจากข้างนอก 

ก่อนอื่นเลยอยากอธิบายเรื่องกฎระเบียบเรื่องการสั่งอาหารที่เค้าไม่ให้สั่งเข้ามา อันนี้ตอนแรกเรางง และแอบเซ็งมาก และมีของต้องห้ามให้สั่งจากเซเว่นอีกเยอะพอใช้ได้เลย ทางโรงแรมเพิ่งมาอธิบายเราถึงเหตุผลของกฎระเบียบต่างๆ และทำให้เรารู้สึกว่าเข้าใจเค้ามากขึ้น เลยอยากมาแชร์สำหรับคนที่ไม่เข้าใจว่าทำไมสั่งอาหารเข้ามาไม่ได้

อย่างแรกเลยเพราะมันทำให้โรงแรมลำบาก เค้า staff ไม่พอหนึง สองคือมีคนเข้าพัก 500 กว่าคน ถ้าทุกคนสั่งเวลาไม่เหมือนกัน เค้าก็ไม่ไหว ที่จะมานั่งส่งๆขึ้นๆลงๆ staff ก็เสี่ยงด้วย ถ้าใครไม่สบายขึ้นมาใช่ไหม

ต่อมาคือรัฐบาลไม่อยากให้เรากินพวกอาหารที่มาจากข้างนอกเนื่องจากท้องเสียเป็นหนึงในอาการของโควิด-19 ถ้าใครมีอาการท้องเสีย เค้าต้องเชคหมดเลยว่านั่งตรงไหนในเครื่อง และต้องเฝ้าดูคนที่นั่งใกล้ๆอย่างใกล้ชิด มันเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อน

อย่างที่ 3 คือ โรงแรมเค้าทำอาหารให้ผู้เข้าพักหมดเลย 3 มื้อต่อวัน ถ้าใครท้องเสีย มันคือความรับผิดชอบของเค้าว่าโอเคห้องครัวเค้าไม่สะอาด

อาหารที่ต้องห้ามไม่ให้สั่งจากเซเว่นอันนี้คือทางรัฐบังคับโรงแรมมาอีกที เลยเชื่อว่าน่าจะเป้นสำหรับทุกโรงแรมคือก็จะมีพวก อาหารหมักดอง พวกของดิบของสด น้ำพริกทุกชนิด ของที่มีวันหมดอายุน้อยกว่า 1 เดือน เบเกอรี่ทุกชนิด อันนี้ไม่รู้ทำไม อาหารแช่เย็นที่ต้องเวฟ พร้อมในห้องไม่มีเครื่องเวฟ และกว่าเค้าจะเอามาให้เราเค้าคงกลัวมันเน่า กินและท้องเสีย เครื่องดืม alcohol ยาลดน้ำหนัก ยาไม่มีอย อันนี้เข้าใจหมด

3.4.1 Room Service 

นี้คือเหตุที่เค้าบอกเรา ซึ่งมันทำให้เราอ่อเข้าใจละ เลยอยากร่วมมือมากขึ้น หลายๆคนคิดว่าที่ไม่ให้สั่งจากข้างนอกเพราะโรงแรมอยากขาย room service หรือเปล่า และคือ room service โรงแรมมีอยู่ไม่ถึงหน้า555 โรงแรมก็อธิบายว่าจริงๆตอนแรกไม่มีปัญญาจะทำ room service เพราะแค่ห้องครัวทำอาหาร 3 มื้อให้ผู้เข้าพักทุกคนก็จะไม่ไหวแล้ว แต่เห็นว่าหลายคนเรียกร้อง เลยโอเค

แต่ต้องบอกเลยว่าการมี room service ช่วยมาก เพราะยอมรับว่าบางวันอาหารก็ไม่อร่อยจริงๆ แต่บางวันก็อร่อยจังง ที่สำคัญคืออาหารทุกวันค่อนข้างเย็นแล้วบางทีเพราะเค้ามาส่งเร็วมาก อาหารกลางวันมาตั้งแต่ 11 โมง อาหารเย็นบางที 4 ครึ่งก็มาแล้ว เนื่องจากอย่างที่บอกเค้าต้องส่งให้หลายคน และเวลาที่เค้าบอกเรา คือทุกคนต้องได้แล้ว ทำให้บางทีไม่หิวบ้าง หรือกว่าจะเปิดมาเจอก็เย็นแล้ว แต่หลังๆเริ่มรู้จากเสียงรถเข็น ถ้าได้ยินแปลว่าอาหารมาส่ง5555

เราใส่ตัวอย่าง room service ของโรงแรมเราให้ดู ราคาเราว่าไม่แรงมาก แต่ก็ไม่ได้ถูกแบบข้างนอกนนะ อันนี้คือสั่งและได้เลย แต่ต้องอยู่ในช่วงเวลาห้องครัวเปิดคือ 13.00-20.00 น. และนอกจากก็มีผลไม้สดให้สั่งได้ด้วย

3.4.2 Special Room Service 

หลังๆพอเริ่มเข้าที่เข้าทาง เราในกลุ่มก็เริ่มขออยากกินอะไรพิเศษ เราเลยทำ poll ขึ้นมา และคนส่วนใหญ่โหวตชานม กับกุ้งเผา โรงแรมก็ไปหามาให้จ้าาาา ต้องเป็นที่ไม่ต้องห้ามนะ ตอนแรกเราโหวตกุ้งแช่น้ำปลา นางบอกเป็นของดิบไม่ได้ ooooops

ข้าวเหนียวสังขยา 80 บาท ชานม 69 บาท และกุ้งเผา 250 พร้อมน้ำจิ้มคือดี สด แน่นมากก  เท่าที่เข้าใจอันนี้เค้าต้องทำเองในครัว เพื่อให้แน่ใจในความสะอาด

3.4.3 Daily Meals

เนื่องจากมาอยู่ได้ 11 วัน เราเลยถ่ายรูปาอาหาร 10 วันแรกมาให้ดูว่ามีอะไรบ้าง

 

3.5 การตรวจโควิด-19 

พูดเรื่องอาหารเสร็จไปแล้ว ต้องมาต่อที่เรื่องสุขภาพ และเหตุผลหลักที่เราต้องมากักตัวที่นี้ คือโควิดนี้เอง เราจะได้ตรวจ 2 ครั้งด้วยกัน ครั้งแรกจะเป็นวันแรกๆตอนเข้าห้อง แล้วแต่ว่าเค้าเลือกวันไหน ของเราได้วันที่ 3 ของการเข้าพัก และครั้งที่ 2 ของเราคือวันที่ 12 ของการกักตัว ก่อนออกนั่นเอง เพื่อเชคเด้อ เค้าจะตรวจทั้งจมูก และคอ คือขอบอกว่าเจ็บมากกก ที่ไทยเจ็บมากก มีแต่คนบอก กลุ่มเมกาก็บอก เค้ายัดลึกมากกก และลึกไม่พอ นางถู่ด้วย คือส่วนตัวไม่อยากให้ใครแพนิค แต่หลังจากตรวจ รู้สึกปวดไม่ถึงหู ตา และสมองอะคิดดู ไม่เว่ออออออออร์ คือบ่นในกลุ่มทุกคนก็บอกว่ารู้สึกเหมือนกัน O___O

อันนี้เป็นตัวอย่างการแจ้งเรื่องการตรวจ ของเราครั้งแรกคือบ่ายโมง และภายในคืนนั้นเค้าก็มาบอกเลยว่าผลเป้นไง กลุ่มเราไม่มีใครเป็นนะจ้ะ

การตรจเร็วมาก ทำตามนี้ ตั้งแต่ห้องลงไปตรวจและขึ้นมาใหม่ ประมาณ 5 นาทีไม่รวมรอ lift ลงไป

3.6 วัน check-out 

พออยู่ไปแปปๆเค้าก็จะให้เราเข้ากลุ่มกลับบ้าน จะมีพี่ทหารมาถามว่ากลับกันยังไง จะมี 3 แบบ 1) ญาติมารับโรงแรม 2) กลับเอง คือออกเองไม่มีใครมารับ 3) ให้รัฐพากลับบ้าน จะมีบัสของรัฐมาพาไปจังหวัดภูมิลำเนาเลย จากที่เข้าใจคือถ้าเราไปจังหวักที่ไม่มีคนไปเยอะ เค้าก็อาจจะพาไปส่งใกล้ๆไรงี้ แต่อันนี้จะรวมกับโรงแรมอื่นที่มคนออกวันนั้นด้วย

การ checkout มี 2 เวลา คือเวลาที่ไปกับรัฐ จะต้องกระเป๋าพร้อมลงไป lobby ขึ้นบัสตั้งแต่ 6 โมงเช้า แต่ถ้าญาติมารับจะสามารถออกได้ตั้งแต่ 9โมง ถ้าญาติมาสายกว่า 10 โมงเช้า ก็ต้องลงมานั่งรอที่ lobby เพราะโณงแรมต้องทำความสะอาดห้องสำหรับกลุ่มใหม่ เราสามารถฝากของและไปทำธุระก่อนได้ด้วยสำหรับญาติที่มารับไม่ได้ตอนเช้า ใครที่มีธุระ อาจจะต้องไปคุยกับเค้าอีกที แต่เท่าที่เข้าใจ คือไม่สามารถออกได้ก่อน 6 โมงเช้าทุกกรณีจ้าา

4. ความคิดเห็นส่วนตัวทิ้งท้าย

เราว่าโดยรวมค่อนข้างประทับใจ เพราะอย่างที่บอกเรารู้สึกได้ถึงความพยายามของทั้งทีมแพทย์ และทีมโรงแรม และรัฐที่พยายามจะเข้มเรื่องกฎระเบียบ เราว่าเค้าทำเต็มที่แล้วจริงๆเนอะ อยากให้ทุกคนใจเย็นๆ อีกอย่างนี้ฟรีเนอะะ อยู่ดีกินฟรี ห้องคือดีเท่าที่ฟรีจะดีได้แล้วจริง ๆ เราเป็นคนเรื่องมากสุดๆ และขี้บ่นมากๆยังยอมรับเลยว่าเค้าดูแลเต็มที่แล้ว และพยายามมากๆ

สำหรับเรา เราว่าเราโชคดีหลายอย่าง ตั้งแต่ได้นอน Pullman ที่ซิดนีย์ จนได้โรงแรมใหม่อย่าง Le Bali ที่พัทยา ที่สำคัญแม่เราว่างที่จะมาส่งของให้ด้วย และมี simcard ไทยทำให้เล่นเน็ตได้อย่างเร็ว เราเข้าใจว่าหลายคนอาจจะไม่ได้มีประสบการณ์ดีเหมือนเรา วันแรกๆคือขนาดเราโชคดียังรู้สึกเศร้ามากเลย เพราะมันแปลกๆเนอะกลับมาประเทศไทย ถึงสนามบินแล้วแต่ไม่ได้กลับบ้าน แต่กลับต้องนั่งรถไปไกลกว่าเดิมเพื่อเข้ามาอยู่ในที่ๆไม่ใช่บ้านเรา แต่มันผ่านไปเร็วจริงๆหลัวจาก 2-3 วันแรก นี้แปปๆเราวันที่ 11 แล้ววว วันอังคารนี้ก็จะออกแล้วค่ะ

เนื่องจากเราอยู่คนเดียวตั้งแต่ lockdown ที่เมลเบิร์น เลยรู้สึกว่าการกักตัวครั้งนี้ชิวๆ ไม่แย่มาก อีกอย่างเรามีสอบตั้ง 3 ตัว เลยเอาเวลาไปอ่านหนังสือด้วย มีอะไรทำหน่อย แต่รู้ว่าหลายคน โดยเฉพาะคนที่อายุเยอะหน่อย ใช้มือถือ wifi ไม่เป็น ก็จะเบื่อ เครียด เราก็มีการได้ยินเสียงคนร้องไห้เหมือนกัน แต่คิดว่าอันนี้แล้วแต่คนเลยว่าจะปรับตัวได้เร็วช้า ส่วนเราคืออยู่คนเดียวมาตั้งแต่แรก อันนี้เลยโอเคมากๆ


จบแล้ววว ถ้าคิดไรออก หรือมีอะไรเพิ่มมาอีกจะมา edit เพิ่มนะ โดยเฉพาะตอน checkout แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่น่ามีอะไรมากแล้ว

ใครมีคำถามอะไรคอมเม้นได้ข้างล่างเลยยย หวังว่ารีวิวนี้จะละเอียดพอ และช่วยให้เห็นภาพสำหรับหลายๆคนที่แอบกลับ แอบกังวล และไม่หมั่นใจว่าจะมาอยู่แบบ ที่กักตัวของรัฐ ดีไหม เพื่อให้อันนี้ประกอบการตัดสินใจนะคะ

เรียบเรียงโดย

Comments

comments