และแล้วเราก็มาถึง highlight ของทริปเมกาในครั้งนี้ นั่นก็คือการมา เที่ยว Antelope Canyon นั่นเอง เราอยากมาที่นี้มาก ๆ และสงสัยจริง ๆ ว่าของจริงมันจะหน้าตาเป็นยังไงกันนะ เนื่องจากไม่ได้รับรถเลยทริปนี้ ก็เลยต้องหาวิธีไปเช้าเย็นกลับจากเมือง Las Vegas แทน 🙂

เริ่มต้นจากการดูบน google maps ก่อนเลยว่าใกล้ หรือไกลมากแค่ไหน คิดว่าไปเช้าเย็นกลับได้ไหม ที่เรารู้คือคนที่อยากไปเที่ยว Grand Canyon ส่วนใหญ่คือจะไปพัก และเที่ยว Las Vegas แต่เรารู้ว่า Antelope มันไกลจาก Grand Canyon มากกว่าเยอะ เลยไม่แน่ใจว่าจะเป็น day trip ได้ไหมนะ

พอเห็นแล้วว่าอ่อ โอเค มันขับประมาณ 4-5 ชั่วโมง ก็เริ่มมีหวังว่าอาจจะไปเช้าเย็นกลับได้ แบบไม่ต้องนอนค้างคืนที่ Page ในรัฐ Arizona หรือเมืองที่ใกล้ที่สุด เพราะตลกที่ว่า ถึงโรงแรมจะน้อยกว่าแต่ราคาไม่ต่างจากเมืองแสงและสีอย่างเวกัสเลย นั่นก็น่าจะเป็นเพราะว่าการแข่งขันมันน้อยกว่า คนที่ไปนอนคือต้องไปนอนจริง ๆ และเชื่อว่าส่วนใหญ่ไปดู Antelope Canyon กับ Horseshoe Bend ที่อยู่ใกล้ ๆ กันแน่

The Best Time to Visit

ตอนแรกคือแบบเครียด กลัวว่าวันที่ไปจะฝนตก คือถ้าตกจบเลย ที่นั่งรถมา ต้องกลับบ้านอย่างเดียว เนื่องจาก Antelope Canyon พอฝนตกทีน้ำจะท่วมเร็วมาก ทำให้อันตรายถ้าเราอยู่ข้างใน เค้าเลยจะไม่ให้เข้า เราแบบไม่เอาาาา อยากไปปป

ส่วนหน้าร้อนก็ไม่น่าไป เพราะนอกจากคนจะเยอะมาก ๆ แล้ว ตอนเดินมันจะร้อน อบอ้าวไปหมด ตอนเราไปคือตอนแรกหนาวมาก ๆ ใส่เสื้อมาบางเกิน กลัวว่าต้องเข้าไปเป็นช่องลมจะไม่ไหวชัว ๆ แถมยังไม่มีแดดออกมาอีก มีฝนตกหน่อย ๆ แต่โชคดีมาก เพราะพอเข้าไปคือแดดออกจ้าาา และอากาศไม่เย็นอย่างที่คิด ลมสบาย ๆ โชคดีมาก ๆ

หลาย ๆ คนคิดว่าต้องแดดออกถึงจะถ่ายรูปสวย กลับกลายเป็นว่าช่วงแรก ๆ ที่เดิน และไม่มีแดด ถ่ายรูปออกมาสวยกว่า เพราะ contrast ไม่เยอะ และไม่จ้าไป ที่เห็นว่า Sun beam ไม่จำเป็นข้างนอกต้องมีแดดจ้าออกมานะ แต่แค่มันอยู่ในรูและอะไรที่อยู่ข้างนอกก็จ้าหมด ที่เราถ่ายส่วนใหญ่คือ cloudy/overcast สุด ๆ จึงไม่ต้องเป็นห่วงถ้าวันที่ไปไม่ได้แดดออกเยอะ จริง ๆ ดีด้วยจะได้ไม่ร้อน5555

One-Day Tour

เนื่องจากเราไม่ขับรถเลยในทริปนี้ และไปแค่กับเพื่อนผู้หญิงอีกคนที่ก็ไม่ขับรถเหมือนกัน ตั้งใจกันทั้งคู่ว่าจะไม่ขับรถเพราะคิดยังไงก็ไม่คุ้ม ถ้ารถพังขึ้นมากลางทะเลทรายทำไง ถ้าลงทาง หรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาทำไง เราไม่ได้อยู่ประเทศตัวเองนะ ขนาดอยู่ประเทศตัวเองยังไม่เคยขับรถไกลขนาดนั้น ยังไงๆจะไปกับทัวร์

ทัวร์มีให้เลือกเยอะมาก ส่วนใหญ่คือไม่แพงไปเลยบน Tripadvisor ก็คือทัวร์จีน ของ Take Tour แบบที่เพื่อนที่ทำงานเคยไปแล้วบอกทรมานมาก เค้าจะเอาหลาย ๆ ทัวร์ในประเทศจีนมารวมกัน ทำให้ทั้ง guide และบริษัทที่เราจะจ่ายเงินให้เป็นของจีนหมดเลยย

เราก็นั่งหาอยู่เรื่อย ๆ ไปเจอ Globerouter ที่ไปๆมาๆก็คือเหมือน TakeTour เลยจ้า แต่แค่คนละชื่อ เราไม่รู้ทำไมเราเลือกเหมือนกัน เพราะดูเพจ Facebook คนไลคน้อยมาก ไม่ถึงพัน และยังไม่มีรีวิวพูดถึง คือ ณ จุดนี้กลัวโดนหลอกตัง แต่พออ่านเจอใน tripadvisor ส่วนใหญ่เค้าก็บอกถ้าไปทัวร์นี้แค่เช้าเย็นกลับ ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะเราอาศัยแค่รถ และอาจจะเพราะอันอื่นแพง เลยยอมเสี่ยงดู

ตอนเราไปเราเลือกทัวร์แบบ 1-Day จาก Las Vegas เป็นทัวร์ในราคาที่เราไปคือ $50 ไม่รวมค่าเข้า และค่าอาหาร รวมแค่ค่ารถ และค่า guide tour บนรถบัสระหว่างเดินทางที่ไปกลับกับเราอย่างเดียว

ที่เราต้องจ่ายเองคือค่าเข้า admission ที่สามารถเลือกได้ว่าจะ lower หรือ upper หรือจะ 2 เลยก็ได้ และค่า tip ของ

1) guide บนรถระหว่างเดินทางที่ไปกับเรา

2) guide ท้องถิ่นใน antelope

3) คนขับรถ 2 คน ขาไปและขากลับ เนื่องจากที่นั้นเค้าไม่ให้คนขับรถนานเกิน เลยต้องมี 2 คนมาช่วยกันขับ

ส่วนอาหารที่มีให้ในทัวร์ จริง ๆ กินกับเค้าก็ได้นะ ตอนแรกเราดูรูปดูไม่เวิค ซื้อเองมาจากโรงแรมดีกว่า แต่เอาจริง ซื้อเองคือซื้อเผื่อมาก และกลับแพงกว่า555 เค้าจะมีอาหารกินเล่น และอาหารเที่ยงให้เป็น subway sandwich ไม่รู้ว่าจะมีการมาให้เลือก topping อะไรก่อนหน้าไปหรือเปล่า แต่สำหรับน้ำเปล่าเค้าจะแจกให้ทุกคนนะ

สำหรับขาไป และขากลับจะแวะ 1 ที่ระหว่างทางเท่านั้น แวะแบบปั๊มน้ำมัน ห้องน้ำดีอยู่ แต่แนะนำให้รีบวิ่ง เพราะถ้าคนออกมาจาก Bus คือห้องน้ำผู้หญิงต้องเข้าแถวรอนานมาก และที่จอดพักรถมีร้านซื้อน้ำขนมทั่วไป สำหรับขากลับเค้าพาเราไปหยุดที่เมืองเล็ก ๆ มี McDonalds ไรแบบนี้ด้วย

ถ้าจำไม่ผิดรถทัวร์เองไม่มีห้องน้ำ สำหรับเรา เราว่ารถโอเคมาก ๆ ตรงต่อเวลา guide นำทัวร์พูดภาษาอังกฤษได้ รถใหญ่ สบายกำลังดี ตอนแรกแอบกลัวเค้าขับไม่ดี หรือรถเก่า สกปรก แต่โอเคเลย แนะนำให้เอาหมอนอะไรไปนอน เพราะนั่งนานมากกก ขากลับรู้สึกแบบไม่ถึงสักที เนื่องจากขาไปคือนอนอย่างเดียวเลยถึงเร็ว 5555  และวางของทิ้งไว้บนรถได้ พวกหมอนไรงี้ไม่มีค่าอะไรอยู่แล้วเลยไม่ต้องเป็นห่วง

เราสามารถเลือกจ่ายเงินค่าเข้าได้ตั้งแต่ตอนจอง หรือจะไปจ่ายวันนั้นเลยก็ได้เหใือนกัน เราเลือกที่จะจ่ายไปเลย จะได้จบ ๆ และวันที่เราถึงเวกัส เราก็ส่ง Email ไปบอกเค้าว่าเราเปลี่ยนจากเบอร์ไทย เป็นเบอร์ local ของเมกาว่าใช้เบอร์นี้แทนนะ ให้เค้าติดต่อเราทางเบอร์ local และเค้าก็ตอบเมลกลับมาเร็วดี และวันหนึงก่อนไปตัว guide ก็ส่ง SMS มาให้ สะดวกมาก ๆ อุ่นใจ

แต่ห้ามขึ้นรถสายเด็ดขาด เค้าตรงเวลามาก ๆ ไม่อยากเชื่อว่าทัวร์จีนจะตรงเวลาขนาดนี้เหมือนกัน 555 เค้าจะมีจุดนัดพบ ที่เราต้องเลือก แต่ละที่เป็นโรงแรมดัง ๆ หลัก ๆ ใน เวกัสนั่นเอง

โดยที่จะมี Excalibur Rear Rotunda Tour Lobby เป็นที่หยุดแรกในเวลา 5.15AM ใช่แล้ว ตื่นกันก่อนตี 5 เลยทีเดียวว และที่สุดท้ายจะเป็นก่อนออกนอกเมืองที่โรงแรม Golden Nugget 1ST Street South Tower เวลา 6 โมงเช้า

ตอนเราไปเกือบขึ้นรถไม่ทันเหมือนกันเพราะมัวแต่ขี้งกใช้ Uber Pool ไปส่งคนนั้นคนนี้ ไม่แนะนำเลย ถึงแม้ว่าจะตี 4-5 แต่เวกัสคือคนไม่หลับไม่นอนจริง ๆ

Upper vs. Lower Antelope

อย่างที่เห็นในทัวร์ จะมีให้เราเลือกระหว่าง Upper Antelope และ Lower Antelope ที่ราคาแตกต่างกัน โดยที่มี Upper แพงกว่าอยู่ $15 ในราคา $65 และ Lower จะอยู่ที่ $50

ความแตกต่างอื่นนอกจากราคาก็คือ Upper จะไม่มีบรรไดให้เดินขึ้นลง ทำให้ปลอดภัย และเดินสบายกว่า Lower ที่ไม่แนะนำสำหรับคนอายุเยอะกว่าหน่อย แต่จริง ๆ คนที่ไปกับเราอายุเป็นอากงอาม่ากันหมด ทุกคนแบบแข็งแรงมาก สำหรับคนมีปัญหาเรื่องขา เขา หรือข้อ ก็ไม่ควรไป Lower นะจ้ะ

และเค้าบอกว่า Higher สวยกว่า เพราะมันมี light beam แต่เราถาม guide ท้องถิ่นเค้าบอกอันนี้ไม่จริง Lower เผลอ ๆ สวยกว่าอีก เป็นสิ่งที่ถกเถียงกันแบบไม่มีวันจบไม่มีวันสิ้น 5555

สำหรับใครที่อยากรู้ความแตกต่างระหว่าง Upper กับ Lower ให้ลึก ๆ ก็สามารถไปอ่านดูได้ในเว็บนี้

สำหรับราคา admission อันนี้ไม่รวมค่า guide ท้องถิ่นคนอินเดียแดงใน Antelope ที่เราต้องให้ tip เค้าแยกจาก guide ที่พาเรามาจาก เวกัส และนั่งเรามากับเรา เพราะ Antelope อยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ของเค้า ทำให้เค้าต้องเป็นคนพาเดิน พาทัวร์นั่นเอง และเป็นการสร้างรายได้เข้าปากท้องของคนถิ่นด้วย tip จะอยู่ที่ $5-$10 หรือมากกว่าก็ได้ตามใจชอบ

เราให้เค้า $10 เลย เนื่องจากเราชอบเค้ามาก หาทั้งมุมให้ และยังช่วยถ่ายรูปให้ตลอด เพราะเค้าพาทัวร์บ่อยตลอดปี เค้าจะรู้หมดว่าตรงไหนสวย ตรงไหนแสงดี ต้องถ่าย หรือปรับกล้องยังไง

และเราขอการันตีได้เลยว่า Antelope Canyon สวยมากจริง ๆ และถ่ายออกมาคือสวยมากเช่นกัน มันเป็นอะไรที่แบบเห้ย ธรรมชาติสร้างมาได้จริง ๆ วะ ไม่อยากเชื่อตาตัวเอง คุ้มมากกับการนั่งรถมาดูไกลถึงที่นี้

Horseshoe Bend

และเราก็เดินทางกันต่อ หลังจากตอนครึ่งแรกของวันไปถ่ายรูปกับ Antelop Canyon เสร็จ นั่งรถไม่นาน ผ่าน Lake Powell ที่เราไม่ได้ไป ก็ถึงที่จอดรถของ Horseshoe Bend เราต้องมีการเดินขึ้นเขา และไปอีกหน่อยด้วยตัวเอง เพราะเค้าไม่อยากให้เราไปจอดใกล้เกิน แค่นี้ก็รบกวนธรรมชาติมากพอลแล้วไรงี้

สำหรับที่นี้ไม่มี guide นะจ้ะ เดินเองล้วน ๆ นางให้ 1 ชั่วโมง คือแทบไม่พอ เพราะเดินไปก็เกือบ 20 นาทีแล้ส เนื่องจากเป็นขึ้นเขา

เอาจริง เราว่าน่ากลัวมากก ไม่ได้มี rail รั้วอะไรมากั้นระหว่างเรากับเหวเลย คือตกไปตายจริง ๆ นะ และเห็นหลายคนคือไม่กลัวเลยเพื่อรูป เห็นแล้วกลัวแทน คนกลัวความสูงเราว่าไม่ได้รูปสวย ๆ แน่ ๆ เพราะมันต้องไปใกล้จริง ๆ ไม่งั้นจะไม่เห็น

เห็นถ่ายยังงี้แต่จริง ๆ คือไม่ได้ใกล้เท่าที่ใกล้ได้ มือสั่น ปากสั้น กลัวมากก เดินดี ๆ เพราะหินลื่นมากเว่อร์ เราแบบใจไม่ดีเลย แต่เพื่อรูป! 55555

Tipping and Cost

ถึงเวลาเรามาพูดเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ กันบ้าง สรุปแล้วทั้งหมดอยู่ที่ราคาเท่าไหร่ แบบรวม tip ด้วยก็คือตามนี้เลย:

ค่ารถ : $53.5 ต่อคน

Admission เข้า Lower Antelope: $50 ต่อคน

Tip คนขับ 2 คนและ guide จีนบนรถจากเวกัส: $10 ต่อคน

Tip guide ท้องถิ่น: $3-5 ต่อคน แต่เราจ่ายไป $10

รวมแล้วก็ $123.5 หรือ ราว ๆ 4300 บาทนะจ้ะ อันนี้ไม่รวมค่าอาหารนะ

 

Las Vegas

สำหรับเวกัส เราไม่ได้เที่ยวเยอะ เพราะไม่มีเวลา 5555 เล่น slot เป็นพิธีตลก ๆ นอกจากจะเดินเล่นบนถนนหลักอย่าง The Strip แล้วก็อย่าลืมไปดูน้ำพุเจ้นระบำที่โรงแรม Bellagio ด้วยน้าา สวยมาก นอกจากนั้นถ้ามาเวกัส ก็อย่าลืมไปกินบุฟเฟ่ต์ด้วย ถ้าเงินถึง555 เราเงินไม่ถึงเลยกินบุฟเฟ่ต์ถูก ๆ แถวโรงแรม เป็นบุฟเฟ่ต์ที่เราว่าคุ้มมากกก

ร้านชื่อ Umiya Sushi เผื่อใครอยากไปลอง แต่มันไม่ได้อยู่บนถนนเส้นหลักอย่าง The Strip นะ อยู่ใกล้โรงแรม Palms Place เรามาก คือเดินไปได้ dinner buffet อยู่ที่ราคา  $25.95 เราว่าคุ้มมากกกก เพราะแค่ซูชิจานหนึงก็ราคาปาไปจะ $20 แล้วอะ และคืออันนี้ดีตรงมัน include เยอะมาก ไม่ใช่แค่ซูชิ แต่ tempura ไรงี้ คุ้มมากกกก กินจนอ้วกแตกกก

ที่เราชอบอีกอย่างคือนางแบบรู้ใจว่าถ้ากินบุฟเฟ่ต์จะต้องอยากกินหลาย ๆ รส หลาย ๆ อย่างใช่ปะ นางก็มี offer สามารถสั่งเมนูเป็น half ได้ คือถ้าปกติซูชิมีอยู่ 8 คำ half ก็จะเหลือแค่ 4 ให้เราไม่อิ่มไปแล้วได้ลองหลาย ๆ แบบ และราคานี้รมของหวานด้วยนะจ้ะะ

Photo of Umiya Sushi - Las Vegas, NV, United States. Sushi bar. Not the usual angry faces. Credit to: Yelp

$20 Sandwich Tip

 

คือเราอ่าน และดูวีดีโอมาเยอะ เลยอยากลองทำเองบ้าง มันก็คือการเอาแบงค์ $20 สอดเข้าไประหว่างเครดิตการ์ดในการจองโรงแรม และ ID Card หรือ Passport เพื่อยืนยันตัวบุคคลให้พนักงานต้อนรับที่ lobby นั่นเอง เพื่อเป็นการให้เค้าช่วย upgrade หรือให้ของพิเศษอะไรเราเพิ่ม

คือใจก็ไม่รู้ว่าจะอยากได้อะไร เพราะโรงแรมที่ไปอยู่คือ Palms Place Studio with Balcony & Strip View เป็น phase ใหม่ของโรงแรมที่แอบเก่ามากของเวกัส นั่นก็คือ The Palms Casino Resort แต่อยากลองทำดู มาเวกัสก็อยากมาลองเสี่ยงอะไรตลก ๆ

และคือดันได้เว้ยยยยย แต่เอาจริงคือที่นี้ไม่ค่อยสนุกเท่าโรงแรมบน The Strip เพราะเค้าไม่ได้มีห้องให้เลือกเยอะ เราแค่ upgrade มาเป็น Strip View ที่ปกตอจะแพงกว่าคืนละ 1000 กว่าบาทเฉย ๆ เลยอาจจะไม่ได้คุ้มมาก ถ้าไปทำที่โรงแรมบน The Strip จะพีค และตื่นเต้นกว่าเยอะ เพราะเค้ามี option upgrade แบบดีสุด

ข้อสำคัญอย่างหนึงเกี่ยวกับโรงแรมในเวกัสคือมันอาจจะดูถูก แต่! มันมี Resort Fee ซึ่งมีแค่ในเวกัสด้วยนะจ้ะ resort fee คือบ้าบอมาก เหมือนเป็นการบังคับให้จ่ายสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเมืองนี้ บางครั้งก็แพงเว่อร์ แบบคืนละ $40 กันไปเลย มันแล้วแต่โรงแรม บางโรงแรมก็ไม่มี แต่ส่วนใหญ่จะมี ยิ่งอยู่บนถนนหลักอย่าง The Strip คือมีแน่ ๆ แล้วแต่ว่าจะเยอะน้อยแค่ไหน

เออได้ข่าวมาว่าจริง ๆ เราสามารถเอาอี $20 tip นี้ในการขอไม่จ่าย resort fee ได้ด้วย คือแล้วแต่ดวง แล้วแต่การพูดคุยด้วย resort fee อันนี้ยังไม่รวม tax ของการท่องเที่ยวด้วยนะ บ้ามากกกก ทำให้อย่าลืมเผื่อเงินกันไว้ดี ๆ เพราะนางเก็บแน่ตอน check in นะ

อะ หมดแล้ว ไม่มีอะไรจะพูดมาก ทุกอย่างนี้คือไป 3 วัน 2 คืน กว่าจะถึงวันแรกก็ดึกละ ต้องรีบนอนเตรียมตื่นไปรถทัวร์ตอนตี 4 คอนกลับมาก็ 2 ทุ่ม เหนื่อย อยากนอน 555 ตลกมาเมืองแห่งแสงสีเพื่อมานอนนะ

ใครทำอี $20 sandwich และได้ของดีอะไรบ้างมาอวดกันหน่อย ๆ นะ อยากรู้ 5555

เรียบเรียงโดย ohmissannabella.com

Comments

comments