เชื่อว่าใคร ๆ ก็อยากไป “เที่ยวปารีส” กันสักครั้งในชีวิต แต่พอคิดถึงยุโรปก็อยากจะไปมากกว่าทีหนึงอะเนอะ อุตส่าห์ขอหยุด อุตส่าห์ขอวีซ่ากันแล้วด้วย ตอนเราไปคือไปกับเพื่อนที่มหาลัยหลังจากเรียนคอร์ส summer เสร็จที่สเปน และที่นี้คืออยากไปหลายที่มาก เลยมีเวลาให้ปารีสน้อยสุด หรือแค่ 4 วัน 3 คืน แต่วันแรก และวันสุดท้ายไม่นับเพราะเดินทางมาถึงก็ดึกแล้ว ส่วนวันกลับก็ออกตั้งแต่เช้า พูดง่าย ๆ ว่ามีเวลาเที่ยวแค่ 2 วันเต็มเท่านั้น และนี้คือปารีสอะแกรรร ครั้งแรกที่มาด้วย คืออยากทำไปหมดดดด แต่ก็อยากชิว แต่ก็อยากไปมันทุก landmark ด้วย
สำหรับที่เราจะไปคือ intense สุด ๆ ไม่แนะนำให้ทำตามเพราะเหนื่อยมากกกก เราช่วงที่เราไปร้อนมาก ๆ เพราะเป็น heat wave คือทรมารสุด ๆ เพราะคนที่นั้นไม่อาบน้ำ ตัวเหม็น และ metro เหม็นกลิ่นฉี่อยู่แล้วก็เหม็นกว่าเดิม ที่สำคัญไปนอนโรงแรมห่วย ๆ แบบ hostel ห้องน้ำรวมกับเพื่อนอีก 5 คนคือว่าแย่ และอึดอัดแล้ว นางไม่มีแอร์ด้วยค่าา ฮือออ ทรมานที่สุดแล้วตั้งแต่เที่ยวมา ทำให้เป็นทริปที่ยากลำบากมาก บอกตัวเองเลยว่านับตั้งแต่นี้ ถ้าไม่มีตังอยู่โรงแรมดี ๆ ไม่ต้องคิดจะเที่ยวเลย เพราะมาเที่ยวมันควรจะมาสบาย ๆ ไม่ใช่ทรมานแบบเน้!
1st Day
เที่ยวปารีส วันแรก คือเราเอาจริงจังมาก เพราะรู้ว่าวันที่ 2 จะต้องออกนอกเมืองไปเที่ยว Versailles เลยอยากเก็บมันให้หมดเท่าที่จะทำได้ วันที่ 2 จะได้ไม่เครียดมาก แต่ก็ยังเครียดอยู่ดี นี้เป็นการเที่ยวที่ผิดมาก ๆ แต่ก็อยากเอามาแชร์ให้ดูกันสำหรับคนที่อยากไปให้ครบภายในไม่กีวัน
เราเริ่มจากการนั่ง Metro ไปลงที่สถานี George V สำหรับทริปนี้แทบไม่ค่อยใช้ metro เลย ถ้าจะจ่ายแบบเหมาจ่ายก้ไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ นางมีให้เลือกเยอะมาก ตั้งแต่ ใช้เครียดเดียวแบบ Single-Ride จนไปถึง Multi-day pass แต่ที่เราสนใจตอนนั้นคือ Carnets หรือ Single-ride แบบซื้อทีเดียว 10 ใบ ที่จะถูกกว่าซื้อแยกนิดหนึง (จาก 1.9 euro เป็น 1.49) แต่ที่สำคัญคือไม่ต้องเสียเวลาไป booth ซื้อตลอดเวลา แต่เอาจริง เราแทบไม่ได้ใช้เลย แนะนำให้คิดดี ๆ ว่าส่วนใหญ่จะต้องเดินทางยังไง สำหรับเราคือเดินเยอะมาก555 จากที่เห็นในรูปคือเก็บมันให้หมดด้วยการเดิน ตั้งแต่ประตูชัยจนไปถึง Notre Dame สำหรับทริปนี้เราไม่ได้จ่ายแบบ fastpass แบบแซงคิวเลย และก็ยังทำได้ทุกอย่างได้ อาจจะเพราะเป็นช่วงหน้าร้อนด้วยเลยทำให้พระอาทิตย์ขึ้นนาน จนเกือบ 3-4 ทุ่ม มีเวลาเที่ยวเพิ่มอีกเยอะ
1. Triumphal Arch
ที่แรกสำหรับทริป เที่ยวปารีส นี้ คือเริ่มกันที่ประตูชัยเลย คือถ้าออกมาจากสถานี George V จะออกมาและเจอกับประตูชัยข้างหน้า สะดวกมาก ๆ และประตูชัยก็จะเป็นจุดเริ่มของถนน ฌ็องเซลิเซ่ อันโดงดังที่มีร้านค้าขายของ brandname และ high end ต่างๆ มากมายนั่นเอง
2. Champs-Élysées
3. Place de la Concorde
เดินเรื่อย ๆ ชมร้านค้า ขายของฝาก และร้านอาหาร คาเฟ่ ต่าง ๆ เพลิน ๆ ประมาณ 2-3 กิโล ประมาณ 40-50 นาที ก็จะถึง Place de la Concorde หรือ จัตุรัสคองคอร์ด ที่ ๆ พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารี อ็องตัวแน็ต พร้อมกับคนอีกนับพันถูกประหารชีวิตช่วง French Revolution นั่นเอง
4. Grand Palais
U-turn มาหน่อย ก็จะมาเจอกับพื้นที่จัดนิทรรศการอย่าง Grand Palais สมบัติจากยุคสวยงาม (Belle Époque) อันเป็นที่รักยิ่งของทั้งชาวปารีสและนักท่องเที่ยว
5. Pont Alexandre III
พอเดินตรงออกมาหน่อยก็จะต้องเห็นแม่น้ำ และสะพานอันสวยหรูอย่าง Pont Alexandre III
6. Les Invalides
และถ้าเดินข้ามสะพานมาแล้ว เราก็จะเจอกับ เลแซงวาลิด หรือที่พักผ่อนเเห่งสุดท้ายของเหล่าวีรบุรุษฝรั่งเศส อาคารทรงบาโรกแห่งนี้ ประกอบด้วยพิพิธภัณฑ์และอนุสรณ์ทหารหลายแห่ง รวมถึงสุสานของนโปเลียน โบนาปาร์ต
7. Musée d’Orsay
นอกจาก Louvre ก็จะมีพิพิธภัณฑ์นี้เลย Musee d’Orsay ที่นี้เคยเป็นสถานีรถไฟเก่ามาก่อน แต่ตอนนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมงานศิลปะทางประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสไว้
8. Louvre Museum
เดินข้ามสะพานกันอีกรอบ เพื่อกลับไปฝั่งเดิมที่มีประตูชัย และ Place de la Concorde ก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ Louvre อันโด่งดังนั่นเอง นี้เป็นที่เดียวที่เราจะยอมต่อแถวเข้าเพราะมี Mona Lisa นะจ้า
หน้าพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ก็จะมีประตูชัยเป็นของนางเองด้วย ชื่อว่า Carrousel Arc de Triomphe
แน่นอนว่านางคือ superstar ของที่นี้ และคนก็เยอะมากเช่นกัน
นอกจากนางแล้วก็มีอย่างอื่นให้ดู พอดีว่าเราเคยเรียน Art History มาคลาสหนึงเลยพอรู้บางอย่าง555
9. Notre-Dame
เดินทางต่อไป Notre Dame จาก Louvre เลือกที่จะเดินก็ได้ ประมาณ 20 นาที ไม่ก็ลงที่สถานี Hôtel de Ville ก็ได้ค่ะ
10. Sainte-Chapelle
☆ Eiffel Tower ☆
และแล้วก็มาถึง landmark ที่สำคัญที้สุดในปารีสเลย นั่นก็คือหอไอเฟลนั่นเอง เก็บไว้สุดท้าย รู้สึกพลาดมากเพราะหน้าเน่าไปหมดแล้วจากการเดินทั้งวัน เราแนะนำว่าให้มาถ่ายฝั่ง Champ de Mars หรือ park ดีกว่า Jardins du Trocadéro เพราะตรงที่เป็นขั้นบรรไดคนเยอะมากก
อันนี้คือฝั่ง Jardins du Trocadéro ที่เราเฟลมาก 5555 เพราะนอกจะปิด eiffel แล้ว คือกว่าจะได้รูปที่ไม่มีคนติดอยู่ด้วยมันยากมากกกกก เพราะว่ามุมที่อยู่มันจะสูงกว่า eiffel มันเลยยากที่จะแบบไม่บังนาง และให้ดูไม่ตลกไงงง เพื่อนเราบางคนใช้เวลานานมากในการหามุม คือต้องมากันตั้งแต่เช้าตอนไม่มีคน 5555
เผื่อไม่เชื่อวันมันยากจริงๆๆๆ 5555 เอารูปเพื่อนแบบเฟล ๆ มาให้ดู
อันนี้คือมุมที่เราบอกว่าดีกว่าตรง Champ de Mars ที่พีคที่สุดคือตอนเดินไปมุมนี้ กล้องชั้นแบตหมดจ้าาาา คือจะร้องไห้ เพราะไม่มีเวลากลับไปชาร์จที่พักแล้ว ไม่งั้นพระอาทิตย์ตกแน่ ๆ และอีกวันก็จะไม่มีเวลามาเนื่องจากต้องออกไป Versailles และเพื่อนก็ช่วยคิดทางออก นางก็เลยไปขอนักท่องเที่ยวแถวนั้น ขอ battery เว้ย ที่เป็นของ canon และ size เดียวกับที่เราใช้ เพื่อรีบมาใส่กล้องเราและถ่ายรูป ไม่รู้คิดได้ไง 555
และก็ได้ perfect shot อันนี้ด้วยความยากลำบาก แบบนักท่องเที่ยวทุกคนคิดว่าเราเป็นอีนางนกต่อ เพราะแถวนั้นมันมีพวกหลอกนักท่องเที่ยว พวกยิปซี ขโมยของเยอะอยู่แล้ว คนที่เราไปถามก็คิดว่าเราจะขโมยของเค้า โดยเฉพาะพวกจีน ไม่มีใครยอมให้เลย ระวังตัวกันมาก ซึ่งเราก็เข้าใจเค้า เพราะถ้าเป็นเราก็ไม่ให้555 แต่เหมือนเพื่อนเราเป็นฝรั่งสวยมั้ง เค้าเลยเชื่อใจ ตลก และน่าตื่นเต้นมาก ๆ เป็นอะไรที่น่าจดจำ และพิเศษมาก ๆ สำหรับเรา อีกอย่างที่ตลกคือได้เพื่อนเกาหลีมาคนหนึงที่ช่วยกันถ่ายรูป และกลายเป็นร่วมทริปไปด้วยเลย จะมีรูปเค้าในวันที่ 2 ข้างล้างนะคะ
รู้สึกได้ว่ารูปนี้เอียงมาก ต้องขออภัย 5555 อยากให้เห็นว่าคนเยอะมากๆๆๆๆๆจ้า จริง ๆ ถ้าไปอีกรอบ อยากจะไปหาดูมุมอื่น ๆ
แต่วันที่ 2 แอบโชคดีมีเวลาไป eiffel อีกรอบเลยได้อีกมุมเหมือนกัน จะอยูเลยไปหน่อยตรง Pont de Bir-Hakeim ที่เป็นที่ถ่ายทำ scene หนึงในหนังเรื่อง Inception
2nd Day
Palace of Versailles
เที่ยวปารีส วันที่ 2 กันแล้ว ก็ตื่นเช้านั่งรถไฟไปเที่ยว Versailles กันนน อยากจะบอกว่าร้อนตับแตกมาก รถไฟไม่มีแอร์ด้วยจ้าา และคิว Versailles ยาวเหมือนอยู่ Disney land
ห้อง The Hall of Mirrors อันแสนโดงดัง
ประตูวังที่ทุกคนต้องเคยเห็นในหนัง
แน่นอนว่าจ่ายตังเข้ามาแล้วก็ต้องห้ามลืมไปเดิน Garden ของวัง ที่ใหญ่มากกก และร้อนมากกกกๆๆๆๆ
Sacré-Cœur
พอกลับมาในเมืองก็ไปที่นี้เลย Basilica of the Sacred Heart หรือ บาซิลิก้า สถานที่ที่ถูกขนานนามว่าเป็น “หัวใจอันศักดิ์สิทธิ์ของปารีส” จุดท่องเที่ยวยอดฮิต ทางตอนเหนือของเมือง และนี้คือที่ ๆ เรามาเจอกับเพื่อนเกาหลีที่เจอกันตั้งแต่หอ Eiffel เมื่อวาน555
และด้วยความที่นางอยู่บนเนินเขา ก็จะมีวิวที่สวยน่าถ่ายรูปมาก ๆ แต่ต้องระวังเพราะตรงนี้คนขโมยของเยอะมากก
Moulin Rouge
ไปต่อกันที่ Moulin Rouge เป็นหนึ่งในโรงละครคาบาเร่ ที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของกรุงปารีสนั่นเอง และก็เคยมีหนังที่ Nicole Kidman เล่นด้วย
Bouillon Chartier
หลังจากนั้นก็ไปกินข้าวกันน นี้เป็นร้านที่เพื่อนเกาหลีแนะนำว่าเค้าอยากไป เพราะเค้าบอกว่ามันราคาไม่แพงมาก และ local สุด ๆ เป็นที่ ๆ เค้าอยากมากินหอยทากอบเนย หรือ escargot ของขึ้นชื่อของฝรั่งเศส
เป็นร้านเล็ก ๆ ในซอย น่ารักมาก
คือจะบอกว่ามันอร่อยยย เหมือนหอยธรรมดา และเนยหอมมาก
อันนี้คนโต๊ะข้าง ๆ ขอเพื่อนถ่ายรูปเพราะเพื่อนสวย และแบบอาหารอันนี้เค้าไม่กล้าสั่งเอง 5555
Pont de Bir-Hakeim
อันนี้เป็นอีกมุมที่อยากมาดูหอ Eiffel และอยู่ในซีนหนังเรื่อง Inception
แถวนี้คือเห็นคู่รักเอเชียที่กำลังจะแต่งงานมาถ่าย pre wedding กันเยอะมากกก เพราะคนน้อย และมีที่ให้นั่งถ่ายรุป Eiffel ด้วยละมั้ง
Credit to: popturf
จบล้าววววกับการ เที่ยวปารีส แบบ 2 วันเต็มอิ่ม คือแบบไม่ได้พักจ้า ตั้งแต่ 9 โมงเช้าจน 4-5 ทุ่ม เดินอย่างเดียว ไม่มีแอร์ ร้อนก็ร้อน เหม็นก็เหม็น ครั้งหน้าไม่เอาอีกแล้ววว ขอแบบสบาย ๆ ไม่งั้นไม่ต้องไป อยากไปแบบไม่ทรมานแบบนี้ แต่ถ้าไม่บอกก็ไม่มีใครรู้ เพราะรูปออกมาสวยมาก 555 ปารีสเป็นเมืองที่ photogenic สุด ๆ ต้องยอมรับเลยว่าถ่ายอะไรก็สวยจริง ๆ ยังไงก็จะต้องไปอีกแน่นอน แต่แนะนำว่าให้ลองดู Airbnb ดูสำหรับ option ถูก ๆ แบบไม่จำเป็นต้องเป็นโรงแรมก็สะอาด และอยู่ใจกลางเมือง ครั้งหน้าเราก็อยากไปดูที่อื่น ๆ ในตัวเมืองย่านธุรกิจบ้าง เพราะคราวนี้ที่ไปไม่มีเวลาเลย จริง ๆ มีรูปเนอะอีกเยอะมากก แต่เดียวไว้วันไหนว่าง ๆ จะมาอัปเพิ่มเรื่อย ๆ นะ แค่นี้รูปก็โหลดไม่ทันละ 555
ก่อนหน้าเราไปเที่ยวสเปนมา มีทั้งเที่ยวบาร์เซโลน่า และเที่ยวมาดริด เพราะเราเข้าใจว่าไปเที่ยวยุโรปกันทีก็อยากไปกันหลาย ๆ ประเทศ หลาย ๆ เมืองอะเนอะ 🙂 หลังจากนี้ก็จะมีไป อัมสเตอร์ดัม กันด้วย รอติดตามกันได้เลยย
