
สวัสดีค่าาา ไม่ได้มาเขียนบทความมานานมากก วันนี้เลยอยากมารีวิวการ บินกลับไทย ช่วงโควิดจากเมลเบิร์น ออสเตรเลีย ที่เราเพิ่งได้เดินทางขึ้นเครื่องกลับมาเมื่อวันที่ 15-16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สำหรับการรีวิวครั้งนี้ เราจะแยกกันเป็น 3 ตอนด้วยกัน:
สำหรับตอนที่ 1:
จะเป็นการเตรียมตัวซื้อบัตรโดยสาร และเอกสารที่ต้องเตรียมต่างๆก่อน บินกลับไทย กันน
สำหรับตอนที่ 2:
จะเป็นการรีวิวการเดินทางตั้งแต่ Melbourne ไปลง Sydney เพื่อกักตัวกับทางรัฐ NSW และจาก Sydney กลับมากรุงเทพ
สำหรับตอนที่ 3:
จะเป็นการรีวิวเมื่อถึงสนามบินสุวรรณภูมิ จนถึงการมาโรงแรมกักตัวที่พัทยา รีวิวห้อง อาหาร และกฎต่างๆที่มีไว้แบบคร่าวๆกัน
สำหรับบทความนี้จะเป็น PART 2: ระหว่างการเดินทาง จากบ้านที่ Melbourne ขึ้นเครื่องใน Domestic Terminal ที่มีอยู่ 4 flight ทั้งวัน จนกักตัวในโณงแรมที่ศิดนีย์ และขึ้นเครื่องกลับไทยค่าา
PART 2: ระหว่างการเดินทาง
สำหรับวันที่เขียนบทความนี้ (22 Nov 2020) รัฐ NSW ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าจะเปิด boarder ระหว่าง Victoria กับ NSW อย่างเป็นทางกลางวันที่ (23 NOV 2020) นะคะ ทำให้ใครก็ตามที่จะบินหลังจากนี้มาซิดนีย์จากเมลเบิร์น ไม่ต้องกักตัวกับทางรัฐเหมือนเรานะ คือจองโรงแรมทุกอย่างได้ปกติเองเลย ลงเครื่องมาก็หารถไปโรงแรมเองได้ ใครอยากแวะไปเที่ยว Opera House ก่อนก็ บินกลับไทย ก็ทำได้เด้อ เพราะเค้าไม่ตรวจ หรือบังคับอะไรแล้ววว แต่ข้อดีของการที่เราไปตอนที่ยังปิด boarder คือค่ารถไปกลับสนามบิน และค่าโรงแรมฟรีค่าา
1. Melbourne Domestic Airport
เริ่มจากการออกมาจากบ้านเป้นครั้งสุดท้าย T___T และมา Terminal 4 ของ Jetstar ที่ Tullamarine Airport ของเมือง เราไม่ได้มาทาง uber หรือ airport bus นะ ถึงแม้ได้ยินเพื่อนมากันทาง airport บอกว่าเปิดแต่แค่เที่ยวน้อยลง เราเชื่อว่าคงเยอะขึ้นถ้าเปิด boarder เนื่องจากคนมาเที่ยวได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องขอ permit หรือกักตัว
อย่างที่เห็น มี flight แบบ 4 flight เองจ้า ไม่มีอะไรเปิดเลย McDonalds ก็ไม่เปิด แต่ Subway เปิดนะ สามารถหากินข้าวก่อนขึ้นเครื่องก่อนได้
อย่างที่เห็นคือไม่มีเลยจ้า ถ้าเห็นคนคือรู้เลยว่าคนไทยกำลังขึ้นเครื่องไปซิดนีย์ด้วยกัน5555
เราได้เลือกที่นั่ง เลยนั่งหน้าเลย ในเครื่องก็ใส่ mask ปกติ เค้ามีแจกให้ และจะมีแบบฟอร์มให้เขียนพร้อมแนบด้วย boarder permit ที่เราปริ้นมา
1.1 Arriving in Sydney
อะพอถึงก็ไม่ได้ไปรับกระเป๋าแบบปกติ เค้าจะเริ่มจากการตรวจอุณหภูมิร่างกายก่อนแยกคนว่า ใครมา transit กี่วัน ไปตามทาง บางคน transit ทันทีก้ไปกลุ่มแรก อย่างเรากับเพื่อนๆคนไทยคนอื่นๆคือมา transit ไม่เกิน 48 ชม หรือ 2 คืน แต่เกิน 8 ชม ทำให้รอในสนามบินไม่ได้ ก็ไปอีกกลุ่ม ไม่แน่ใจว่ากลุ่มอื่นๆคือยังไง กัก 14 วันเลยไหม แต่ที่รู้ๆคือมี transit today กับ transit tomorrow
พอมาถึงก็นั่งรอตรวจเอกสาร สามารถรับกระเป๋าได้เลยก่อนหรือหลังที่เจ้าหน้าที่มาตรวจ เราโชคดีมากคือเนื่องจากนั่งหน้าเครื่องเลยเดินมาให้เค้าตรวจเอกสารเป็นคนแรก ๆ เพื่อนเราบางคนรอตรงนี้เกือบ 2 ชม แต่เราไม่ถึงชั่วโมงจากลงเครื่องจนถึงขึ้นบัส เดินไปเข้าห้องน้ำได้ทุกอย่าง
พอตรวจเอกสาร 1) Boarder Permit 2) Jetstar Boarding Pass 3) Thai Airways Boarding Pass 4) แบบฟอร์มยอมกักตัวที่เค้าให้ก่อนขึ้นเครื่อง เจ้าหน้ที่ก็จะให้ sticker นี้ พร้อมเอกสารอธิบายข้อมูล
2. Quarantine in Sydney
2.1 Pickup from Airport
เรารอแปปเดียว ก็มีเจ้าหน้าที่บอกให้ยืนขึ้นและเข้าแถวไปขึ้นบัส บัสหนึงได้ประมาณ 20 คนมั้ง ถ้าจำไม่ผิด และก็ตรวจ boarder permit อีกทีที่มี QR code เค้าจะหาชื่อเราใน list ว่าเรา register มาแล้วจริงๆว่าจะเข้าวันนี้ เราเดิน 2 นาที ทหารบอกให้วางกระเป๋าได้เลย เดียวยกขึ้นให้
2.2 Hotel Quarantine
เราโชคดีมาก นอกจากกลุ่มเราจะเป้นกลุ่มแรก ที่ทำอะไรเร็วแล้ว เรายังเป็กลุ่มที่ random ได้โรงแรม Pullman Sydney Airport Hotel โรงแรม 5- ดาว ที่อยู่ใกล้สนามบินมากกกก แค่ประมาณ 5 นาทีก็ถึง การ checkin ก็คือเค้าให้ลงไปทีละคนสองคน ทำให้นานนิสนึง ถ้าใครอยู่ท้ายรถ แต่ถือว่าเร็วกว่าหลายกลุ่ม เพราะอีกกลุ่มเข้าใจว่านอกจากจะรอที่สนามบินนานแล้วกว่าจะได้ขึ้นบัส และยังได้ Novotel ที่อยู่ในเมือง ทำให้ไกลจากสนามบินไปหน่อย และกว่าจะ checkin เสร็จก็เกือบ 3 ชั่วโมง หิวข้าวจ้าาา
ตอนเรา checkin ก็คือเค้าตั้งโต๊ะเป็นเรื่องเป็นราว คนที่ checkin ไม่ใช่พนักงานโรงแรมแต่เป็นทหาร ไม่ก็ตำรวจในเครื่องแบบ เค้าก็ถามว่าอยากได้ mask แต่เราขอแค่ที่ฉีดมือ
อันนี้ก็ข้อมูลของโรงแรม คือที่ชอบมากเกี่ยวกับการกักตัวที่นี้คือ สามารถสั่ง uber ได้ไม่อั้น เพราะตอนสนามบินจำได้ไหมเค้าให้ข้อมูลการกักตัวมา นางบอกว่าได้แค่วันละครั้ง แต่นี้โทรไป lobby ถาม นางบอกกี่ครั้งก็ได้ ให้เขียนใน note เฉยๆว่าห้องอะไร ชื่ออะไร เดียวมีคนเอาไปส่งให้
ไม่รอช้า สั่งมา 2 order คือซูชิกับชานมจ้าาา นางก็เอามาส่งให้ทันทีหลังจาก uber มาส่งที่ lobby ที่แตกต่างจากไทย เพราะของไทยจะเป็นรอบๆ วันละรอบ และไม่ให้สั่งอาหารเข้ามา เพระาเข้าใจว่าคนเยอะกว่า มันลำบาก
ห้อง hiso มาก ก็ 5-ดาวอะเนอะ มี smart tv ติดดูหนังได้ เตียงใหญ่ สบายยยย แต่คือสำหรับเราจะไม่ยอมนอนคืนนี้เพราะจะได้ไปนอนสลบในเครื่อง เนื่องจากไฟล์ทเช้า
เช้าแล้วอาหารมาาา ตอนประมาณ 6.30AM ลืมถ่ายอาหารเย็น เป็น Spaghetti Bolognese กับ Carrot Cake กับขนมปัง จะบอกว่าไม่แย่มาก แต่เรากินอาหารฝรั่งไม่ค่อยได้ เพราะเลี่ยน เลยดีใจที่สั่ง uber ได้เพราะวันนั้นหิวมากจ้า
ส่วนอาหารเช้าที่นี้ให้เป็น breakfast box และมีผลไม้ fresh fruit salad
2.3 Pickup from Hotel
อะนางบอกว่าจะโทรมาให้ลงไปขึ้นบัส 4ชมก่อน departure ใช่ไหม เครื่องออก 10AM นางบอกจะโทรให้ลงมาตอน 6AM ความจริงคือกว่าจะโทรให้ลงไปคือ 7.30AM จ้า ยังดีที่โรแรมเราอยู่ใกล้
แต่ของ novotel คือกว่าจะถึงสนามบิน คือลำบากมาก ขออนุญาตใช้คอมเม้นพี่คนนึงที่ลงในกลุ่มให้ดูว่าแย่ขนาดไหน
3. SYD-BKK Flight
3.1 Checking in
เชคอินที่นี้ช้าจริงๆ และงงมากกับการทำงานของกงศุล เพราะได้ยินมาตลอดว่าดูแลดี น่ารัก แต่ถึงเวลาเราไม่โอเคเลย นอกจากจะไม่มีการบอกอะไรแล้ว ยังไม่ช่วยให้ข้อมูล มีความสับสนเรื่อง passport ของคนไทย กับต่างชาติ และไม่มีการต้อนรับอะไรเลย เค้าบอกในรีวิวอื่นๆว่ามีการให้ care bag ไอเราก็ไม่ได้นะ โชคดีอีกแล้วคือเราได้มาเร็วกว่ากลุ่ม Novotel แต่เชคอินช้าจริงๆ
3.2 Duty Free and Tax Refund
เห็นมีคนสนใจเรื่องว่ามีอะไรเปิดในสนามบินซิดนีย์บ้าง Heinemann Duty Free แต่ไม่ได้ถ่ายมาาา และมี Tax Refund ด้วยหลังจากผ่านตม.
แต่อย่างที่บอกคือถ้ามากับรถบัสของรัฐ เราเลือกมาก่อนไม่ได้เลย ทำให้หลายคนพลาดขอคือ tax refund เพราะจะขึ้นเครื่องแทบไม่ทัน และสนามบินก็ใหญ่ gate ก็ไกล ไม่มี moving walkway เปิด ก็วิ่งกันไป คิดว่าโชคไม่ดีด้วยเราอาจจะคนเยอะสำหรับไฟล์ทนี้
McDonalds ไม่เปิดนะจ้ะะ แต่มีกาแฟเปิดอยู่ ไม่กล้ากินกลัวไม่นอน อุส่าไม่นอนทั้งคืนละ5555
ร้านใหญ่ๆปิดหมดจ้า เปิดอยู่แค่ duty free กับ WH Smith งี้
3.3 Boarding the Plane
ของเราคืออย่างที่บอก ได้เข้ามาก่อน ทำให้มีเวลารอขึ้นเครื่อง
3.3 Inside the Plane
เหมือนจะเป็นเครื่องเก่าหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่ขอย้ำว่าไม่มี inflight entertainment คือไม่มีหนังให้ดู ห้ามย้ายที่นั่ง และก็ไม่มี alcoholให้นะ แต่ไม่เป็นไร เราเตรียมมานอนนน อาหารก็คือแบบใส่ plastic มา มีให้2 มื้อ มื้อแรกคือ กระเพราหมูสับไข่ดาว โอเคอยู่ มื้อ 2 ไม่โอ เป็นบะหมี่ผัดกุ้ง ที่คนหลายคนแพ้ เลยต้องขอ กระเพราหมูสับไข่ดาวอีกกล่อง
เราโชคดีอีกละ คือได้นั่งหน้าเครื่อง โซนเครื่องเราคนน้อย แต่เข้าใจว่าท้ายลำเต็ม เราได้ทั้งแถวเลยยย สบายมาก
มีถุง care bag ที่การบินไทยให้ก่อนขึ้นเครื่อง ในนั้นมีน้ำเปล่า น้ำapple ถั่วกินเล่น กับผ้าเช็ดมือค่า
นั่งเครื่องกันไป 8 ชั่วโมง 45 นาทีก็ถึงประเทศไทยยยย เดียว PART 3 จะมาเร็วๆนี้กับการรีวิวที่กักตัวประเทศไทย หลังจาก บินกลับไทย มาแล้วว่าเป้นไงบ้าง ที่เราว่าเราโชคดีอีกแล้วคือได้โอเคกว่าหลายๆคน แต่ก็ไปแอบดูชื่อมาเหมือนมีดีกว่าด้วยย เราอยากรีวิวอาหาร รีวิวกฎระเบียบ ว่าทำอะไรได้บ้าง และควรเตรียมตัวยังไงสำหรับคนที่จะมาอยู่กักตัวของรัฐแบบฟรี ไม่ได้จองโรงแรม ASQ มา วันนี้ที่เขียนก็เข้าวันที่ 6 ของการกักตัวละ สำหรับตอนนี้ขอตัวไปอ่านหนังสือสอบแปป มีสอบพรุ่งนี้กับวันพุธจ้าาา