สวัสดีค่าาา ไม่ได้มาเขียนบทความมานานมากก วันนี้เลยอยากมารีวิวการ บินกลับไทย ช่วงโควิดจากเมลเบิร์น ออสเตรเลีย ที่เราเพิ่งได้เดินทางขึ้นเครื่องกลับมาเมื่อวันที่ 15-16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สำหรับการรีวิวครั้งนี้ เราจะแยกกันเป็น 3 ตอนด้วยกัน:

สำหรับตอนที่ 1:
จะเป็นการเตรียมตัวซื้อบัตรโดยสาร และเอกสารที่ต้องเตรียมต่างๆก่อน บินกลับไทย กันน

สำหรับตอนที่ 2:
จะเป็นการรีวิวการเดินทางตั้งแต่ Melbourne ไปลง Sydney เพื่อกักตัวกับทางรัฐ NSW และจาก Sydney กลับมากรุงเทพ

สำหรับตอนที่ 3:
จะเป็นการรีวิวเมื่อถึงสนามบินสุวรรณภูมิ จนถึงการมาโรงแรมกักตัวที่พัทยา รีวิวห้อง อาหาร และกฎต่างๆที่มีไว้แบบคร่าวๆกัน

สำหรับบทความนี้จะเป็น PART 1: การเตรียมตัว ก่อน บินกลับไทย ที่เชื่อว่าหลายๆคนอยากรู้ โดยเฉพาะเรื่องเอกสาร เพราะวุ่นวายมาก ถ้ามาจากเมลเบิร์นด้วย ก็จะมีเอกสารเพิ่มให้ปวดหัวกันเพิ่มอีก แต่ไม่ต้องห่วง วันนี้เราจะมาอธิบายแบบละเอียดกันเลยยย


PART 1: การเตรียมตัวก่อนบินกลับ

1. SYD-BKK Flight

1.1 Flight announcement

เริ่มแรกคือการเชค Facebook Page ของสถานเอกอัครราชทูตไทยที่ Australia ได้ทั้งของ Canberra และ Sydney เรื่อยๆ เพื่อดูว่าเค้ามีไฟล์ทวันที่ บินกลับไทย วันไหนบ้างเดือนนี้ สำหรับเดือนของเรามีแค่ 2 ไฟล์ทที่ บินกลับไทย กับกงศุล ซึ่งแตกต่างจากเดือนตุลาคมเนื่องจากมีทุกวันจันทร์เลยย ส่วนตอนนี้ก็มีของเดือนธันวาคมออกแล้วถึง 3 ไฟล์ด้วยกัน เราแนะนำว่าใครที่อยากกลับอย่ารอไฟล์ทตรงจาก เมลเบิร์นเลยค่ะ เพราะล่าสุดที่มีคือ 22 กันยา และส่วนตัวเราลงทะเบียนตั้งแต่ 16 กันยา และรอมา 2  เดือนคือไม่มีเลย เราว่าถ้าอยากกลับ กลับซิดนีย์ ลำบากเพิ่มขึ้นนิสนึง แต่ได้กลับชัว และไม่ต้องรอแล้วรออีก มันเซ็งเนอะ เราเข้าใจ เราก็รอมานาน

ขอบคุณรูปจาก Royal Thai Embassy Canberra / สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา

ขอบคุณรูปจาก Royal Thai Embassy Canberra / สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา

อยากจะมีอธิบายอีกอย่างเกี่ยวกับไฟล์ท Semi-commerical ความแตกต่างที่เราเข้าใจคือสำหรับแบบนี้ ไม่สามารถกักตัวกับรัฐที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายได้ ต้องกักตัวกับโรงแรมที่เราเลือก จองและจ่ายเองเท่านั้น น่าจะมีไฟล์ทให้เลือกเยอะกว่า สำหรับคนที่จองไม่ทัน หรือว่างไม่ตรงกับที่ไฟล์ทของกงศุลนะคะ

1.2 Register for flight

พอเห็นประกาศไฟล์ทแล้ว สำหรับบุคคลสัญชาติไทยที่มีหนังสือเดินทางไทยก็กรอกแบบ form ของ google ได้เลย ล่าสุดที่เขียนวันนี้ (19 Nov) ไม่ใช่ของกงศุลแล้วนะคะ จะเป็นของการบินไทยโดยตรงเลย  ให้กรอกแบบฟอร์มให้เสร็จ

พอเสร็จแล้วก็จะเป็นแบบนี้ พอดีเราให้เค้าส่งคำตอบมาทางอีเมล อันนี้เราทำในวันที่ 27 ตุลา

ตอนแรกก็จะงงๆนิดนึง เพราะนางไม่มี auto message ว่ารับแบบฟอร์มแล้วนะ หรืออะไรใดๆเลย จนกระทั้งอีกวันถึงจะได้ Travel Document เป็นการ confirm จากสายการบินว่าได้จองให้แล้ว ถึงตาเราต้องจ่ายตังค่ะ

1.3 Payment

การจ่ายตังมีขั้นตอนนิสนึง คือต้องโอนเงินให้การบินไทยโดยใช้บัญชีออส แทนที่จะเป็นการตัดบัตรปกติ สำหรับตอนโอนเงินเราใส่ description เป็นนามสกุลเราไปด้วย ไม่รู้ว่าเค้าจะเห็นไหม แต่ทำไปก่อนเผื่อช่วยให้ง่ายต่อการหา

Bank Name (ธนาคาร) : Citibank
Account Name (ชื่อบัญชี) : Thai Airways International Pty., Ltd. BSB Number (หมายเลข BSB) : 242-000
Account Number (หมายเลขบัญชี) : 233513008
หลังจากโอนเงินเสร็จ เราก็ใส่:
1)ใส่ชื่อและนามสกุลเป็น Subject Email
2) capscreen หลักฐานการโอนเงิน
3) สำเนาหนังสือเดินทาง
4) ส่งไปที่ [email protected]
และก็รอประมาณ 1-2 วันทำการ

1.4 E-Ticket

เราส่งหลักฐานการโอนเงินไปวันที่ 28 ตุลา วันที่ 29 ตอนเช้าเราก็ได้อีเมล THAI Australia Feedback ดังนี้

พอได้แล้ว อีกไม่นานประมาณ 2 ชั่วโมงก็ได้ E-ticket จ้าา

พอเราได้ e-ticket เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาไปเว็บ Jetstar เพื่อซื้อตั๋วไปซิดนีย์ สำหรับตอนที่เราไปยังต้องกักตัวถ้าไปซิดนีย์และมาจากเมลเบิร์น ไม่ต้องจ่ายเงินถ้าอยู่ 8-48 ชม. เราเลยกะไว้ว่าจะไปก่อนวันเดียว และที่เลือก Jetstar เพราะเราดูมาจาก SkyScanner มาแล้วว่า หลังจาก ไฟล์ท Jetstar  11 โมงเช้า จะมี Virgin Australia ออกอีกตอนบ่าย 3-4 เผื่อถ้ามีปัญหาจริง ๆ ไฟล์ทโดนยกเลิกก็จะได้ยังมีอีกตัวเลือกที่ไปได้

2. MELB-SYD Flight

ต่อมาในวันเดียวกัน (29 OCT) เราก็ซื้อตั๋วเครื่องบิน domestic ระหว่าง Melbourne-Sydney ก่อนจะบินกลับไทย  Sydney-Bangkok กับทางเว็บ Jetstar โดยตรงเลย ส่วนตัวเพราะกลัว ไปซื้อ  Agency และมันเจ๊งจะซวยเอา ตอนนี้ไม่มีอะไรแน่นอนอะเนอะ เราเพิ่มน้ำหนักสำหรับ checked bags ไปเป็น 30 kg แต่คือตอนนี้อยากแนะนำมากว่าถ้ารู้ว่าตัวเองชอบถือของ carry on เยอะ หรือหนักกว่า 7kg ควรซื้อเพิ่มไปเลยตั้งแต่ตอนนี้ เนื่องจากเค้ามีกาชั้งน้ำหนัก carry on ตั้งแต่ ตอนไป drop off bag ที่เค้าเตอร์เชคอินเลย ของเราเกินมาแค่ 3 โล นางก็ไม่ยอม ต้องจ่าย 50 ดอล คือหงุดหงิดมากก

เราแนะนำว่าให้ซื้อน้ำหนักไว้ดีกว่า แทนที่จะซื้อตั๋ว ​flexible แบบเราที่เปลี่ยนหรือย้ายวันได้โดยไม่ต้องเสียเงิน เพราะยังไงถ้าไฟล์ทที่โดนยกเลิก เราก็ต้องทิ้งไปและไปซื้อ  Virgin Australia ไม่ได้ใช้แล้วอยู่ดี ค่าเสียดายคือ 220AUD เป็น Bundle กับการได้เลือกที่นั่ง ที่เราว่าไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่555

3. Document checklist

พอได้ตั๋วกลับบ้านแน่นอนแล้ว ถึงเวลาเตรียมเอกสารจ้าา

เอกสารหลักๆเลยสำหรับคนไทยคือ:

1) Passport ที่ยังไม่หมดอายุ (เข้าใจว่าถ้าหมดแล้วต้องไปต่อกับกงศุลถึงจะมาลงชื่อซื้อตั๋วได้ตั้งแต่แรก)
2) Certificate of Entry (COE) หรือ หนังสือรับรองการเดินทางกลับประเทศไทย ออกโดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา หรือสถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์
3) ต้องมีใบรับรองแพทย์ Fit-to-Fly หรือ Fit-to-Travel Health Certificate ที่แพทย์ได้ออกให้ไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง
4) แบบฟอร์มต. 8
และสำหรับคนไทยที่อยู่รัฐ Victoria และต้องเข้าไปขึ้นเครื่องที่ Sydney ก็ต้องขอ permit ด้วยนะคะ
5) Permit เข้า NSW
 พอกรอกเสร็จ กงศุลจะส่งอีเมลมาให้พร้อมแนบ 1) COE 2) ฟอร์ม ต.8 มาด้วย

3.1 Certificate Of Entry (COE)

อย่างแรกเลยหลังจากได้ E-Ticket คือไปกรอกทำ COE ก่อนเพื่อยินยอมเข้ากักตัวกับรัฐโดยไม่เสียเงิน แต่เลือกโรงแรมไม่ได้ หรือเสียเงินกับการเลือกโรงแรม Alternative State Quarantine (ASQ) ได้ที่ bit.ly/coethai พอทำเสร็จก็จะได้อีเมล confirm แบบนี้

เราได้อีเมลนี้ในวันที่ 29 Oct กว่ากงศุลจะตอบกลับมาก็ 4 Nov ค่ะ คิดว่าเพราะเป็นวันหยุดยาวของเมลเบิร์นพอดีด้วย กงศุลจะส่งเมลตอบกลับมาหัวเรื่องชื่อว่า “อีเมลนำส่งหนังสือรับรองการเดินทาง เที่ยวบินที่ XX XXX TGXXX (ชื่อจริงนามสกุล)” ดังนี้

อยากให้สังเกตที่เค้า highlight ตรง fit-to-fly เพราะมีหลายคนถามเข้ามาว่า 72 ชมคือนับตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่ซีเรียสนะคะ ขอแค่วันศุกร์เป็นต้นไป ไม่ต้องมีเวลาในใบ fit-to-fly ด้วยค่ะ

3.2 แบบฟอร์มต.8

ให้ปริ้น COE และ แบบฟอร์มต.8 มาด้วย เพื่อตอบคำถาม

 

3.3 Fit-to-Fly

COVID-19 Test

อันนี้ทำเราปวดหัวมาก Fit-to-Fly กับตรวจ COVID ไม่เหมือนกัน มันคนละใบ แยกกันเลย

💢  สำหรับคนไทยไม่ต้องตรวจ COVID ก็ได้ นอกจากจะคิดว่าตัวเองเสี่ยง มีอาการ อยู่ใน hotspot ที่มีการแพร่ระบาดเยอะ หรืออยากทำเพื่อความสบายใจ ส่วนตัวเราอยากตรวจ เราไปตรวจมาด้วยที่ Screening Clinic หน้าบ้าน แต่พอไปตรวจเค้าไม่ให้ตรวจถ้าไม่มีอาการ เราเลยจะโกหกวันคันคอเพื่อจะได้ตรวจฟรี แต่เค้าก็บอกว่าไม่มีอะดีแล้ว เพราะมันจะอยู่ในประวัติของรัฐบาลออส ที่ทึกคนต้อง register ก่อน และจะยิ่งไม่ได้บินเพราะมีอาการก่อนจะยิ่งแย่นะจ้ะะ

แต่ถ้าใครอยากตรวจเพื่อความสบายใจ จะมี clinic อันนึงที่ Melbourne Central  ที่คนไทยไปกัน หมอใจดี จะตรวจให้โดยไม่ต้องมีอาการก็ตรวจได้ และเท่าที่เข้าใจ ขอประกันได้ค่ะ ไม่ต้องจ่าย 170-200AUD ยังไงลองถามกันดู หมอคือ Dr Hin Chiu นะคะ ส่วนตัวเราไม่ได้ไปที่นี้ ไป GP แถวบ้านก็ไม่เป็นไรค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจากสมาชิกในกลุ่ม ตลาดสดเมลเบิร์น ซื้อขาย แลกเปลี่ยน

Asymptomatic COVID-19 Test

มันจะมีการตรวจอีกแบบคือ Asymptomatic COVID-19 Testing สำหรับคนที่ไม่มีอาการ อันนี้จะราคาประมาณ 170-200AUD เค้าจะถามว่าถ้าจะบิน บางประเทศ บางสายการบินจะขอ เราบอกตรงนี้ได้เลยว่าไม่ต้องทำ ทั้ง Jetstar การบินไทย และประเทศไทยไม่ขอค่ะ ประเทศที่ขอจะเป็นพวกประเทศที่ไม่มีการกักตัว เช่นประเทศอินโด หรือ UAE  เพราะสำหรับคนไทยยังไงกลับมาไทยก็ต้องกักตัว และ test 2 รอบอยู่ดี เลยไม่จำเป็นต้องตรวจ อันนี้เพื่อนไปถาม Jetstar ให้เลย เพื่อความแน่ใจ

Turnaround Time

การขอ Fit-fo-fly ให้บอกหมอว่าขอ Health Certificate in order to fly เพราะคำว่า Fit to Fly เป็นคำของคนไทยใช้กัน แต่หมอต่างประเทศไม่เข้าใจเด้อ และไม่ได้ตีวจอะไรยิ่งใหญ่อลังการเลย แตค่ไม่กี่นาทีก็ให้คุณผมอปริ้นมาและได้เลยภายในวันนั้น ของเราได้เลยในห้องตรวจ ตรวจแค่นิดเดียว ตรวจอุณหภูมิร่างกายปกติ

ขอบคุณข้อมูลจากสมาชิกในเพจกงศุลค่ะ

Template

และใบ fit to fly ไม่มี template ที่กงศุลขอค่ะ เอาตามที่หมอเราทำเลย เค้าจะรู้เองค่ะ จากที่ดูคนอื่นที่ถามกันก็ได้เลยเช่นกันค่ะ ขอย้ำอีกรอบว่าอย่าลืมขอภายใน 72 ชมก่อนขึ้นเครื่อง ทางกงศุลจะเขียนไว้ให้ชัดเจนในอีเมลที่ส่ง COE มาให้ว่าเริ่มต้นตั้งแต่วันไหน ของเราสามารถขอตั้งแต่วันศุกร์เป็นต้นไป ไม่ต้องมีเวลาในใบ fit-to-fly ด้วยค่ะ

ส่วนตัวแล้วเราว่าเค้าไม่ซีเรียสเลย ไม่ได้นั่งตรวจอะไรขนาดนั้น ขอให้มีก็พอ และเราขอหมอเป็นพิเศษว่าให้เขียนเรา “fit to fly”แต่จริงๆเราว่าก็ไม่สำคัญอะไรเหมือนกัน

Cost

ของเราไม่ได้ถามอะไรมากเพราะเป็นคุณหมอประจำที่เราไปมาตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ไปเรียนอยู่ออส และไม่ใช่ new patient เราเลยไม่ต้องเสียตังค่าแรกเข้า 50AUD ที่ทุกคนบอกต้องจ่ายกัน ของเราใช้ประกัน Overseas Healthcare (OSHC) ของ Bupa ที่เค้าบังคับให้ทำเพื่อขอวีซ่านักเรียนค่ะ

 

3.3 Permit เข้ารัฐ NSW

อันนี้ทำง่ายมากๆ และแนะนำให้ทำก่อนแพลนที่จะเข้ารัฐ NSW ไม่เกิน 3 วัน เพราะมีวันหมดอายุนะคะ ไปกรอกแบบฟอร์มได้ที่ https://www.service.nsw.gov.au/transaction/apply-covid-19-nsw-border-entry-permit กด apply online ได้เลยค่ะ

สำหรับหน้า Eligibility ให้ใส่ตามนี้เลยค่ะ

สำหรับ Permit category ให้เลือก Person who is transiting through New South Wales by air..

อันนี้เค้าหมายถึงตั๋วกลับไทยค่ะ แปลว่าเราต้องปริ้นหรือมีหลักฐานให้เค้าดูว่าเราจะออกจาก NSW ไปไหนต่อ

อันนี้ให้ใส่วันตาม domestic flight ที่เราเลือกจองค่ะ เพื่อที่ชื่อเราจะไปอยู่ใน list ของเค้า

อย่างที่เห็น มีวันหมดอายุนะคะ ให้เวลาแค่ 3 วัน เลยไม่ต้องรีบทำก่อนนะ เพราะพอกรอกเสร็จแล้ว ไม่ต้องรอค่ะ จะได้เป็น auto email มาทันทีเลย พร้อม PDF ให้เราไปปริ้น เพราะจะมี QR code อันนี้สำคัญ เพราะนางจะขอ scan ตอนถึงสนามบินค่ะ

ขอสรุปนิดนึงนะคะ เอกสารที่ต้องปริ้น หรือมีเป็น hardcopy เพิ่มจาก Passport (+ และบัตรประชาชน) มีดังนี้ค่ะ:

  1. E-ticket ของการบินไทย ไฟล์ท SYD-BKK
  2. COE
  3. แบบฟอร์มต.8
  4. Fit-to-fly Health Certificate
  5. NSW Boarder Permit
  6. E-ticket ของ Jetstar ไฟล์ท MELB-SYD

แนะนำให้ใส่ใน folder เก็บดีๆด้วยกันติดตัวไปเลยค่ะ จนกว่าจะถึงโรงแรมกักตัวที่ไทย เพราะขอเรื่อยๆเลย

อะจบแล้ววว สำหรับตอนที่ 1 กับการเตรียมตัว และซื้อตั๋วกลับบ้านจากเมลเบิร์น สำหรับตอนที่ 2 เราจะมีรีวิวการโดนกักตัวที่ซิดนีย์ที่เราเข้าใจว่า จะยกเลิกแล้วในวันที่ 23 Nov เลยน่าไม่สำคัญเท่าไหร่ หลังจากวันที่ 23 ทุกคนต้องจองโรงแรมที่ซิดนีย์เอง และหารถรับส่งไปสนามบินซิดนียืด้วย แต่เนื่องจากเราไปก่อน ก็จะมีรถรับส่งจากโรงแรม และอยู่โรงแรมฟรี ซึ่งแลกกับการไม่ได้ไปเดินเล่นเที่ยว ก็ไม่แย่มากนะเอาจริง สบายดีเลยละ

เรียบเรียงโดย

Comments

comments