
ลองมาหมดแล้วจริง ๆ จ้า กับ “skincare” แต่ละยี่ห้อ จะแพงจะถูก จะ drugstore จะ high-end เกินตัว ในที่สุด เราก็พบว่าจริง ๆ skincare เป็นอะไรที่จะไม่จำเป็นต้องแพงเลย และส่วนใหญ่ที่แพงคือแพ้หมด หรือไม่ก็ไม่เห็นความตแตกต่าง เป็นความรู้สึกที่คิดไปเองทั้งนั้นเพราะมันแพงนั่นเอง! ที่สำคัญเราเป็รพวกหน้าสิว เป็นคนที่แพ้ง่าย สิวหัวช้าง และมีปัญหาเรื่องสิวผด สิวไม่มีหัวเยอะมาก ๆ หลังจากไปหาหมอสิวอยู่เกือบจะ 10 กว่าปีได้ (ตั้งแต่ม.1) คือทุกวันนี้ก็ยังมีสิวอยู่จ้า เดียวไว้จะมาเขียนบทความเพิ่มเกี่ยวกับ skincare เพราะช่วงนี้คืออินมาก ยิ่งไม่มีอะไรทำอยู่บ้าน นั่งดู video เค้ารีวิว product เอ่ย หรือส่วนผสมที่ก่อนหน้านี้ก็อ่านไม่ออกเหมือนกัน อยากมาแชร์ความรู้ให้ทุกคนได้รับทราบกัน!
ก่อนอื่นเลย ต้องขอบอกก่อนว่า เรามีใช้สลับยี่ห้อบ้างแล้วแต่อารมณ์ หรือราคาว่าช่วงโปรหรือเปล่า 555 และ product ต่าง ๆ ที่เราใช้คือจะต้องมีมี core ส่วนผสมเด่น ๆ และที่สำคัญคือไม่มีกลิ่น ใช่แล้วจ้า ไม่มีกลิ่น !? เราเคยแบบเอิมยาสิวหมอ กับอะไรที่ fragrance-free มาก เพราะรู้สึกเหมือนยา ไม่มีความ luxury ใดๆ แต่ความจริงที่เราชอบแพ้บ่อย หรือผดขึ้นเยอะก็เพราะอีกลิ่น fragrance ต่าง ๆ ในส่วนผสม skincare ของเรานั่นเอง ! เออ ไปนั่งฟัง youtube มา จากหลาย dermatologist และหมอที่เราไปประจำ เค้าบอกว่าบางคนหน้าก็รับได้ แต่อย่างเราก็คือไม่ได้จริง ๆ ไม่ว่าจะ vitamin C อะไรที่เป็น mineral oil, กรดผลไม้ต่าง ๆ , yeast คือห้าม เพราะสิวผดเรามีส่วนมาจากเชื้อรา หรือ Fungal Acne ด้วยจ้า
คือถึงแม้จะเศร้าเพราะ skincare ส่วนใหญ่มี vitamin C และ SKII ดังๆก็คือมีส่วนผสมของ yeast คือทำให้เราใช้อะไรไม่ได้เลยก็ว่าได้ และยิ่งเพิ่งรู้ว่าหน้าแพ้ง่ายอย่างเราไม่ควรใช้ที่มีกลิ่น คือยิ่งเศร้า แต่มันก็ดีไปอีกแบบ เพราะไม่ต้องเสียเงิน 5555 โดยเฉพาะอี brand ดัง ๆ hot hit ติด trend จริง ๆ คือ overpriced มากกกกและรู้เลยว่าไม่ต้องมีก็ได้ มันแค่ marketing เก่งเท่านั่นเอง!
เราฟัง youtuber เยอะมาก และส่วนใหญ่จะเป็น dermatologist เพราะพวกนาง review brand/product ดัง ๆ ที่พวกเราชอบใช้กัน ไม่ว่าจะตัวดังอย่าง Estee Lauder Advanced Night Repair, เอ่ย La Mer บ้าง และที่ชอบคือนางพูดถึงส่วนผสมที่สำคัญ (Retinol, AHA, BHA, Salicylic Acid, Clindamycin, Niacinamine, Ceramides, Hyaluronic Acid เป็นต้น) ที่ควรแก่การจำ และมองหาใน skincare ของเราในอนาคต
RECOMMENDED SKINCARE YOUTUBE CHANNELS
Dr Dray
อันนี้คือชอบมากกก นางเป็นคนทำให้รู้สึกว่าไม่ต้องฟุ่มเฟือยเลยกับ skincare และให้ความรู้ทั้ง product และส่วนผสมแบบลงลึกมาก ด้วยควาที่เป็นหมอ นางจะพูดส่วนใหญ่เรื่องสิว และริ้วรอย เพราะคนเป็นกันเยอะสุด และเราชอบที่นางไม่ขายของ ไม่ได้มี skincare line ของตัวเอง และมีการให้ list ชื่อ product ต่าง ๆ ที่นางแนะนำที่หาซื้อไม่ยาก หาได้ตาม drugstore ถ้าดูนางบ่อย ๆ นางก็จะย้ำอยู่ไม่กีอย่าง:
1) sunscreen สำคัญมาก 2) ทุกอย่างควรเป็น fragrance-free 3) CeraVe คือดี
Dr Sam
เราฟังบ้างไม่ฟังบ้างสำหรับคนนี้ เราชอบฟัง dr dray มากกว่า แต่ส่วนใหญ่ที่นางพูดก็คือเหมือน dr dray ข้างบนหมด
Hyram
เราชอบ video reacts ของนางมากกว่า นางก็เห้นด้วยอีกหนึงเสียงเรื่องที่ skincare ไม่ควรแพง และ fragrance-free อย่างเดียวเด้อ นอกจาก Hyram เราชอบ James Welsh ด้วย เพราะนางตลกเหมือนกัน แต่คนนั้นจะชอบ fragrance เพราะนางจะรู้ผิวตัวเองว่าไม่แพ้ เลยใช้ได้
Mixed Makeup – Susan Yara
รู้จักนางจาก reacts video ที่ทำของ skincare routine ของดารา นางก็จะเน้นหลาย ๆ อย่างเรื่อง drugstore products
Beauty Within
อันนี้จะชอบเพราะมี infographics น่ารัก ๆ ทำให้เข้าใจส่วนผสม เหมือนเรียน course skincare เลยก็ว่าได้555
ไม่ต้องห่วง เดียวเราจะเขียนบทความอีกอันเพื่ออธิบายส่วนผสมต่าง ๆ ดียังไง ช่วยอะไร และมี product ไหนน่าสนใจที่มีตัวนี้บ้างในบทความหน้า เนื่องจากยทความนี้เริ่มยาวเกินไปละ555 ห้ามพลาดเด้อ 🙂
EVERYDAY SKINCARE ROUTINE
1. Double-Cleanse: Garnier Micellar Water and CeraVe Foaming Cleanser
สำคัญมาก ถึงแม้เราจะไม่แต่งหน้า แต่ก็ต้อง double-cleanser เนื่องจากเรามีทากันแดดกัน และเป็นการล้างความมันออกก่อนล้างหน้า นอกจาก Garnier Micellar Water และตัวดังอย่าง Bioderma ที่เชื่อว่าสาว ๆ ทุกคนคงรู้จักกันดีแล้ว เราแอบอยากลอง Kind to Skin Micellar Cleansing Water ด้วย เพราะนางมี Niacinamide อยู่ และราคาคือไม่แพงเลย
หลังจากเช้ดหน้าด้วย Micellar water แล้ว เราก็เข้าไปอาบน้ำ ล้างหน้าด้วย CeraVe Foaming Cleanser ที่ Dr Dray นางแนะนำ เนื่องจากมี ceramides ที่แบรนด์นี้นางมีอยู่ทุก product พร้อม hyaluronic acid ที่ช่วยเรื่อง Hydration เพิ่มอีก ทำให้ราคานางจะแพงกว่าอีกตัว CeraVe Hydrating Cleanser สำหรับผิวแห้ง ที่เราคิดว่า texture น่าจะเหมือนตัวล้างหน้าตัวดังของ Cetaphil
2. Moisturize: CeraVe Moisturizing Cream
อันนี้คือมีแต่คนบอกว่าหนักไป แต่เราชอบบบ อาจจะเพราะหน้าแห้ง และตอนนี้อยู่ออสมันหนาว แต่ถ้าเกิดไม่ชอบหนา ๆ ก็ใช้แบบ lotion นางได้ เราชอบตัวนี้มากกกกกก นอกจากจะไม่มีกลิ่น ราคาคือเบาสบาย และนอกจากจะมี ceramide ตัวดังนาง ก็ยังมี Hyaluronic Acid อีก และก็ non-comodogenic ที่สำคัญสำหรับเราที่มีผดเยอะๆอีกด้วย เราชอบทาตอนหน้ายังเปียกน้ำอยู่ และรอให้มันแห้ง เราว่ามันทำให้ไม่หนาเท่าทาตอนหน้าแห้ง
3. Exfoliate: La Roche-Posay Effaclar Duo
อันนี้เคยได้ยินรุ่นพี่พูดในเฟสบ่อยว่าดีมาก พอใช้ก็ไม่ได้เห็นความแตกต่างอะไรขนาดนั้น แต่พอเลิกใช้คือรู้เลยว่ามันช่วยเราเยอะมาก โดยเฉพาะป้องกันสิวเกิดใหม่ เพราะพอเราหยุด ช่วงใกล้ประจำเดือนมาคือสิวขึ้นเป็นเม็ดตลอดดด พออ่านส่วนผสมเลยรู้ เพราะนางมี Salicylic Acid ที่ช่วยทั้งเรื่องสิว ไม่ว่าจะสิวผด แต่เพราะมันมี acid เราเลยทาหลัง moisturizing cream เพราะเราว่ามันแอบแสบ ๆ ร้อน ๆ ถ้าทาเป้นตัวแรก ถึงแม้ cerave moisturizing cream จะหนากว่าก็ตาม พอเราทาตอนหน้าเปียกและรอแห้งมันไม่รู้สึกหนาเลย
4. Sunscreen: La Roche-Posay Anthelios XL
สุดท้ายสำหรับกลางวันคือต้องทากันแดดตลอดนะจ้ะะ เราเคยใช้ Biore UV Aqua ตัวดังของนาง คือสิวผดจึ้นเต็มแก้มมมม ตอนแรกๆไม่ขึ้น ใช้เวลาเกือบเดือนกว่าจะเริ่มเห็น คือหน้าพังมาก และก็ไม่รู้สีกทีว่าเพราะอะไร ทันทีที่หยุดใช้ และไป laser พวกผดออก คือหายไม่ขึ้นอีกเลย ทำให้กลัวมากเรื่อง sunscreen จะใช้แต่อะไรที่ non-comodogenic เท่านั้น!!
SPOT TREATMENT
แน่นอนว่าถ้ามีสิวก็ต้องมีการแต้มเพิ่ม
Clinda-M Solution
อันนี้คือตัวที่หมอสิวนิยมให้เราใช้กัน ที่เป็นน้ำใส ๆ เราชอบแบบน้ำมากกว่า gel เพราะแห้งเร็วดี
Benzoyl Peroxide 5%
อันนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคืออะไร เราเคยลองใช้ 10% และไม่ได้ดีขึ้นหรืออะไรเลย กลับมาใช้ 5% ดีสุด เนื่องจาก 10% ทำหน้าเราผิวสาก ๆ เพราะมันกัดสุด ๆ ถ้าใช้ให้แต้มแค่ตรงหัวสิวพอนะเด้อ
Azclear Action Medicated Lotion
อันนี้มี azelaic acid ส่วนผสมนี้เราก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเหมือนกัน แต่ Dr Dray Dr Sam และ Beauty Within คือ swear by it ตลอด เพราะนางปลอดภัย ใช้ดีกับทั้งสิว และรอยดำ ที่ออสมี product ตัวนี้ที่ดีมาก 20% เลย และค่อนอข้างแรง และได้ผลเร็ว รู้สึกว่ายาตัวนี้ในไทยมีขายชื่อ Skinoren cream
Cybele Scagel Cream
ใช้สำหรับรอยดำ เราชอบที่เป็น gel ใสๆ และแห้งเร็ว
ADDITIONAL STEPS
Sulwhasoo First Care Activating Serum EX
จริง ๆ อันนี้ไม่ค่อยใช้ แต่ใช้ในวันที่ mask หน้าและอยากบำรุงเพิ่ม ส่วนตัวคือซื้อมาแล้ว และไม่แพ้เลยใช้ก็ได้ แต่ยังตกใจที่ตัวเองไม่แพ้ เนื่องจากนางกลิ่นแรง และมีหลาย oil มาก ที่น่าจะเพิ่มความเสี่ยงในการแพ้ แต่ก็ไม่นะ ส่วนตัวไม่เห็นความแตกต่าง เห็นครั้งเดียวตอนใช้ tester แต่พอซื้อ full size คือไม่เห็นละ ไม่แน่ใจว่าเพราะตอนใช้ tester อาจจะเพราะมีตัวอื่นด้วยหรือเปล่า
The Ordinary Caffeine Solution 5%
อันนี้ใช้ใต้ตาเป็น eye cream สำหรับความดำใต้ตา และความบวม555 เรายังไม่ได้ซื้อสำหรับริ้วรอย แต่จากที่ฟัง youtube มา เหมือน eye cream ไม่ได้จำเป็น เพราะใช้ moisturizer ก็ได้ มันเป็น marketing อีกแล้ว ที่ทำให้บริษัท skincare ได้ขายของเพิ่ม และในราคาที่แพงขึ้น
FAVOURITE FACE MASKS
สำหรัย mask หน้า นี้คือ sample ของ product ที่จากลองมาหลาย ๆ ที่รู้สึกว่าชอบบบ
Innisfree Super Volcanic Clay Mousse Mask
เราชอยที่เป็นเนื้อ mousse มันทำให้เกลี่ยง่ายย และไม่รู้สึกว่ามันแห้งไปเหมือน clay mask อื่นๆ ที่แบบพูดไม่ได้ และทำให้หน้าตึงและคันเกิน
Aesop Chamomile Concentrate Anti-Blemish Masque
ชอบกลิ่นนน พวก fragrance เราเหมือนจะใช้ได้ถ้าเป็นล้างออก และไม่ได้วางทิ้งไว้นาน ๆ คือจะบอกว่าจากการที่เราอยู่ออส และเพื่อนชอบให้ฝากซื้อ Aesop เราว่านางไม่ค่อยน่าใช้ตรงที่กลิ่นนางแรงมากกก และนางมี essential oil เยอะเกินไป เป็น 10 อะบางตัว ทำให้มันเสี่ยงมากที่จะแพ้ หรือ irritate/คัน
Kiehl’s Calendula & Aloe Soothing Hydration Mask
เราชอบใส่อันนี้ในคตู้เย็น วันไหนที่รู้สึกว่าหน้าแห้ง หรือเพิ่งใช้ clay mask และหน้าตึงไปก็ตบด้วยอันนี้เลย
โอยยย บทความนี้ยาวกว่าที่คิดมาก เดียวไว้มาเม้าเพิ่มเรื่องส่วนผสม ingredients ต่าง ๆ ไว้ติดตาม และหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เข้าใจได้ว่า skincare ที่ดีไม่จำเป็นต้องแพงเลยยย หาความรู้เพิ่ม และอย่าเสียงตังง่าย ๆ กับ trend ต่าง ๆ นะจ้าา