
ถึงเวลาเขียนเรื่องการท่องเที่ยวในประเทศสุดโปรด ขวัญใจของคนไทยทุกคน นั่นก็คือประเทศญี่ปุ่น! เราจะมาเริ่มซีรี่ย์นี้กับเมืองหลวงอย่าง โตเกียว และถ้าไป เที่ยวโตเกียว ครั้งแรกจะต้องไปที่ไหน เมื่อปี 2015 เราไปมาคนเดียวเลย และไปเจอเพื่อนเอาที่นั้น อยากบอกว่าโตเกียวเป็นเมืองที่ใหญ่ และวุ่นวายจริง ๆ มีที่เที่ยว ที่กิน ที่ช้อปเยอะไปหมด จนต้องแพลนดี ๆ ไม่งั้นเงินกระเป๋ารั่วหายหมดแน่ ๆ วันนี้เราเลยอยากจะมาพาเพื่อน ๆ ย้อนเวลากลับไปในครั้งแรกที่เราได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นเองดูว่าจะเป็นยังไงบ้างง
เริ่มเลย คือพลาดซื้อตั๋วมาแพงมว๊ากกก แพงขนาดที่ว่าทุกวันนี้ยังเจ็บใจอยู่เลย ซื้อตั๋ว Air Asia ไปกลับญี่ปุ่น 17000! ใช่แล้ว 17000 ทำไมแพงขนาดนั้นอะหรอออ ก็เพราะซื้อตั๋วผิดวัน เลยต้องไปเปลี่ยน เสียค่าโง่ไปประมาณ 2500 ถ้าจำไม่ผิด เอาจริง Air Asia 15000 ก็แพงอยู่ดี แต่เราไปช่วง Christmas จ่ายค่าโหลดกระเป๋าไปกลับ และยังแถมจองก่อน 1 เดือนเท่านั้น เลยอะยอมมมม เราจิขอไม่พูกถึง เพราะพูดแล้วเจ็บใจเนอะ
NARITA AIRPORT
คือถึงสนามบินและตอนแรกกลัวจะซื้อตั๋วขึ้นรถเข้าเมืองไม่ทัน เพราะเราจะไปอยู่กับเพื่อน และบ้านเพื่อนไม่ได้อยู่ในโตเกียว และอยู่ไกลหน่อย แถว Fujisawa นั่นเอง คือต้องนั่งรถจากสนามบินกว่าจะถึงคือ 2 ชั่วโมง ! และใน 1 วัน มีรถอยู่ 2 รอบ ตอนแรกคือเตรียมใจไว้แล้วว่าถ้าไม่ทันรอบเช้า (9.30am) ก็จะเที่ยวแถวนั้นก่อน และค่อยนั่งไปรอบเย็น (5.10pm) แต่ดันทัน เพราะสนามบินเค้าไม่เหมือนเราเนอะ อะไร ๆ ก็เป็นระเบียบ รวดเร็วไปหมด
คือตอนออกมาจากเครื่องบิน ทุกอย่างดูง่ายไปหมด โดยเฉพาะการซื้อตั๋วรถบัส คือออกมาก็จะเห็น booth ขายตั๋วเลย ของเราเป็นตั๋วพิเศษ ไม่ได้เข้าเมืองโตเกียว และไปเมืองเล็กข้างนอก พูดไม่รู้เรื่องแต่ก็ได้ตั๋วมาจนได้
และก็มารอข้างนอก ที่ป้ายรถบัส
ของเราตั๋วจะแพงกว่าไปโตเกียว เพราะไปไกลกว่าเยอะมาก ราคาตั๋ว Narita Airport-Fujisawa ราคาอยู่ที่ 3000 Yen เจ้าค่ะ
พอรถมาก็นอนสลบไป มารู้อีกทีก็กังวลว่าจะลงถูกผ้ายหรือเปล่า เพราะเค้ามีการจอดหลายป้ายอยู่ และด้วยความที่ไม่ใช่สายที่นักท่องเที่ยวมากันทำให้ไม่มีภาษาอังกฤษกำกับเลย ลุ้นมาก ดีนะมีเปิด roaming ไว้ เลยเปิด google map เอาว่าถึงไหนแล้ว
ถึงแล้ววว เจอเพื่อนแล้ววว เพราะไม่อยากนอน กลัวนอนไม่หลับตอนกลางคืน ก็เลยชวนกันออกมาเดินห้างใกล้ ๆ บ้าน
รับรองว่ามาเดินห้างญี่ปุ่นก็ต้องไปดูตรง food court ที่มีอาหารเยอะมาก ๆ ของเค้าาา ตอนเราไปจะเริ่มปิดละ เลยเริ่มมีลดราคา last minute
อันนี้บ้านเราก็มี ของ Gindaco นั่นเองงง
ขนมเค้กน่ากินสุด ๆ ทำให้คิดถึงรายการ Tv Champion ที่ชอบดูตอนเด็ก ๆ ที่เคค้าพาไปดูร้านเค้กสวย ๆ อร่อย ๆ ชื่อดังของญี่ปุ่น 555
สลัดก็ยังทำสะดูดี ประเด็นคือ ก็ยังแพงอยู่ดีอะ ไม่ซื้อนะจ้ะ ดูอย่างเดียวว
สำหรับวันแรกเราถึงบ้านเพื่อน และก็ออกไปเดินเล่นห้างใกล้ ๆ บ้านเพื่อนแปปหนึงก่อนกลับมากินข้าวฝีมือที่แม่เพื่อนทำรอไว้ หลังจากนั้นเราก็นอนนนนนสลบเลยจ้า
เพราะบ้านอยู่ถึง Fujisawa คือมันออกนอกเมืองโตเกียวพอที่จะเห็นภูเขาไฟฟูจิเลย ยิ่งช่วงหน้าหนาวจะยิ่งเห็นชัด เออแปลกเนอะ เข้าใจว่าต้องหน้าร้อนแดดแรง ๆ ไรงี้ เค้าบอกว่าฟ้าจะไม่ค่อยมีเมฆ และทำให้เห้นภูเขาชัดกว่า ตื่นมาก็เลยมีวิวให้ดูแบบนี้ สำหรับทริปนี้เราไม่ได้ไปภูเขาไฟฟูจิเลย แต่ไปแช่บ่อน้ำพุร้อนที่ Hakone แทน ไว้คราวหลังไปและเดียวจะมารีวิวนะ
Mt. Fuji
Sensō-ji
ทริปนี้เราเข้าเมืองโตเกียวจริง ๆ ประมาณ 2 วันเอง กว่าจะเข้าถึงก็เข้าเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ขากลับก็แพ็คเป็นปลาซาดีนกลับกับคนท่องถิ่น ครั้งหน้าตั้งใจว่ายังไงก็จะต้องจ่ายตังค่าโรงแรมในเมือง ไม่งั้นก็ไม่ต้องไป เพราะข้ารถไปกลับก็หมดตั้งแล้ว แพงมากจริง ๆ ค่ารถ ค่าเดินทางที่ญี่ปุ่น และที่สำคัญคือปวดหัวมาก ไม่ได้ง่ายและสะดวกอย่างที่คิด
สำหรับวันแรก เราไปวัดที่ต้องไปกันให้ได้เมือ่ไปถึงโตเกียว นั่นก็คือวัด วัด
Tokyo Skytree
จากวัดเราก็จะเห็น Tokyo Skytree ที่สูงงงงสง่า พร้อมให้ทุกคนเสียเงินขึ้นและไปดูวิวของเมือง แต่แน่นอนว่ามากับแอนนาก็ต้องไม่ได้ขึ้นแน่นอน เพราะมันแพง และเสียเงิน เรื่องวิวเราเฉย ๆ อยู่ละ5555
Ueno Park
ไปกันต่อที่ Ueno Park ที่เราก็มาเพื่อถ่ายรูปกัยเพื่อนโดยเฉพาะ ยิ่งช่วงอากาศเย็น ๆ ก็น่าเดินดูต้นไม้ที่เปลี่ยนสี แต่จริง ๆ ในเมืองยังมีอีกหลายสวนที่น่าไป และต้นไม้เปลี่ยนสีสวย ๆ เยอะ
Harajuku
มาตามต่อกันที่ย่าน harajuku จริง ๆ แล้วคืออยากมา Meiji Shrine แต่ดันปิด ก็เลยมาเดินย่านนี้ กินเครปสุดฮิตกันไป เดินช้อปกันไป
Meiji Shrine
อีกวันเราถึงได้มาถึง Meiji Shrine ที่รู้สึกว่าเฉยมากอีกแล้ว555 อาจจะเพราะมันเป้นไม้เก่า ๆ เรารู้สึกว่าเดินมาตั้งไกลนึกว่าจะมีไรมากกว่านี้ ที่สำคัญตอนที่ไปทะเลาะกับเพื่อนด้วยเลยแบบหมดอารมณ์จะเดินนิสหนึง .___.
Tsukiji Fish Market
อันนี้เราได้ไปกับครอบครัวเพื่อนที่ญี่ปุ่นค่ะ ไปร้านที่เค้ารู้จักเจ้าของ ตอนแรกก็แบบดีใจนึกว่าจะได้กินร้านดัง ๆ เพราะเห้นคิวยาวมาก แต่ไม่นะจ้ะ เดินผ่านแต่เข้าไปอีกร้านที่ก็มีคิวเหมือนกันนะ แตไม่ได้ยาวเท่าร้านชื่อดังที่เราจำไม่ได้ว่าชื่ออะไรที่อยู่ตรงมุม เข้าไปเราแบบโอ้โห ร้านเล็กมาก อึดอัดสุด555 ไม่ว่านะ อาหารคือแบบสะจากทะเลจริง ๆ จนเรากินไม่ได้ เรากินเป็นแต่ Salmonไง อันนี้คือมันทะเลเกินนน
ครอบครัวเพื่อนมีการพาขึ้นมาดูวิวข้างบนด้วยย
ก่อนเราจะกลับ เราก็มีแวะไปกินอีกรอบ แต่บอกจรง ๆ สำหรับคนอย่างเราที่กินเป้นแต่ salmon ดิบ เราว่าไทยอร่อยกว่าอีก จริง ๆ นะ 555555
Tokyo Imperial Palace
นี้ก็เป็นอีกที่ที่พอไปถึงก็ปิดพอดี เที่ยวช่วงหน้าหนาวและยิ่งอยู่ไกลเมืองนี้ไม่ต้องคิดเลยว่าจะได้ไปไหนมาไหนครบ ได้ก็แค่ได้มองดูจากข้างนอก ซึ่งส่วนตัวก็โอเคละ เพราะดีกว่าเข้าไป จ่ายตังได้อยู่แปปเดียว หรือต้องรีบ ๆ
ประเทศเค้าเจริญจริง ๆ รู้สึกเหมือน New York เลยอะ ตึกทำงานเต็มไปหมด และก็สูงๆ ทั้งนั้นด้วยย
Odaiba
เที่ยวโตเกียว กันต่อ อะมาต่อที่สุดท้าก่อนกลับไปบ้านนอก คือเมือง Odaiba เมืองใหม่ของโตเกียว เป็นเกาะที่มนุษย์สร้างขึ้นเอง โดยการนำ ดิน ทราย มาถมทะเล O_o นอกจากนั้นยังเป็นเกาะรวมศูนย์กลางความบันเทิง ของเมืองโตเกียว ที่แบบ futuristic จริง ๆ เราไปก็พระอาทิตย์ตกสะแล้ว ตอนแรกอยากไปถ่ายตอนแดดออก แต่ก็นะ มาเที่ยวตอนหน้าหนาว พระอาทิตย์ตกตั้งแต่ 4 โมง ง่วงนอนตั้งแต่ 1 ทุ่ม5555
สะพานสายรุ้ง (Rainbow Bridge) เป็นสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองโตเกียว และเกาะ Odaiba นั่นเอง
จบแล้วกับ 2 วันที่ไป เที่ยวโตเกียว มา จริง ๆ มีไป Shibuya ไรงี้อีกด้วย แต่หารูปไม่เจอ อาจจะเพราะช่วงนั่นชอบถ่ายวีดีโอแทน ลองกดดูได้ข้างล่างงง ต้องขอโทษด้วยที่บทความนี้แอบดูสั้น ๆ รวบ ๆ ไปหน่อย เพราะไม่ได้เที่ยวเยอะเท่าไหร่ และส่วนใหญ่ครอบครัวพาเที่ยวนอกเมืองด้วย
สำหรับญี่ปุ่น เรารู้สึกไม่ได้ชอบเท่าเกาหลี ยังรู้สึกไม่โดน แต่ไปกับครอบครัวแล้วสนุกกว่า เพราะกินฟรีอยู่ฟรี จ่ายตังแค่ค่า shopping5555 แต่ปลายปีนี้มีแพลนว่าจะไปหาเพื่อนคนเดิม ตอนนี้นางทำงานอยู่โตเกียว เลยว่าจะไปอยู่ด้วยหน่อย ครั้งนี้ขอในเมืองนะ ไม่ไหวละอยู่นอกเมือง เหนื่อยกับการเดินทางเหลือเกินเจ้าค่ะ
เรียบเรียงโดย ohmissannabella.com